เมื่อยุคแห่งไอดอลสตาร์ได้เข้าครอบงำวงการบันเทิงเบ็ดเสร็จ ไม่ว่าจะเป็นทาง โทรทัศน์ ภาพยนตร์ หรือแม้กระทั่งมิวสิคัล ต่างก็ได้รับความสนใจจากเหล่าบรรดาผู้จัดมากมาย

ซึ่งบรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ตัวแทนแห่งอุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลี ที่ทุกคนขนานนามให้เป็น 'Big 3' ได้แก่ SM Entertainment ซึ่งมีผู้บริหารฝีมือดีอย่าง อีซูมาน, YG Entertainment ที่มีศูนย์กลางความยิ่งใหญ่อยู่ที่ จางฮยอนซอก, และ JYP Entertainment ภายใต้การดูแลของ ปาร์คจินยอง ซึ่งบิ๊กทรีทั้งสาม ต่างก็ได้ผลิตศิลปินชื่อดังต่างๆมากมาย ออกมาเขย่าความยิ่งใหญ่กันอย่างถ้วนหน้า

SM Entertainment (ผู้ถือหุ้นที่ใหญ่ที่สุด : อีซูมาน)
SM Entertainment หรือที่เรียกสั้นๆว่า SM ที่ได้เป็นบริษัทแรกๆในการเริ่มต้นแผนการจัดการดูแลเหล่าศิลปินในเกาหลี ซึ่งต่างเรียกแผนนี้ว่า "SM Entertainment - Star Agency" และทาง SM นี่เองต่างได้ถูกยกย่องให้เป็นถึง 'พี่ใหญ่' วงการเพลงเกาหลีเลยที่เดียว





ในช่วงกลางๆปี 1990 SM ได้ส่งไอดอลกรุ๊ปที่เรียกว่า H.O.T. ออกสู่ตลาดบันเทิง ต่างก็ประสบความสำเร็จและสามารถดึงดูดความสนใจจากประชาชนมาได้เป็นอย่างมาก โดยที่พวกเขาเลือกที่จะแตกต่างจากศิลปินในอดีตทั่วไป ด้วยการ 'สร้าง' ระบบเด็กฝึกหัด จนสามารถออกมาเป็นไอดอลที่มีชื่อเสียงโด่งดังสู่สายตาของทุกคน

และนั่นจึงทำให้พวกเขาได้กลายเป็น 'พี่ใหญ่' ซึ่ง SM ต่างก็ได้สร้างสรรค์ไอดอลสตาร์แนวหน้าออกมาอย่างมากมายเช่นในปัจจุบัน อาทิ โซนยอชิแด, ซูเปอร์จูเนียร์, ดงบังชินกิ, ชายนี่ และเหล่าศิลปินชื่อดังต่างๆอีกมากมาย ที่เป็นศิลปินระดับท๊อปของวงการโดยที่ทั้งหมดนั่นอยู่ภายใต้ของต้นสังกัดในนาม SM Entertainment เฉกเช่นเดียวกับ 'Asia's star' อย่าง โบอา(BoA) หญิงสาวผู้ที่เขย่าวงการเพลงทั้งเกาหลีและญี่ปุ่น ต่างก็อยู่ภายใต้อานัสของ SM ด้วยเช่นกัน

เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคมที่ผ่านมา SM ได้ออกมาประกาศถึงไตรมาสแรกแห่งปีอย่างเป็นทางการ โดยที่ SM สร้างรายได้ไปถล่มทลายถึง 22,700 ล้านวอน เมื่อคิดเป็นผลกำไรประกอบการก็สามารถทำตัวเลขไปเหลือเชื่อถึง 10,400 ล้านวอน ซึ่งเมื่อเทียบกับเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา SM สามารถทำรายได้เพิ่มขึ้นถึง 58% และถ้าเทียบกับผลกำไรประกอบการก็สามารถเพิ่มขึ้นสูงมโหฬารถึง 471% ในช่วงเวลาเดียวกันเลยทีเดียว

ซึ่งในปีที่ผ่านมา SM เคยสามารถสร้างเรคคอร์ดกับยอดผลกำไรประกอบการกับตัวเลข 9,300 ล้านวอน ซึ่งเมื่อดูจากตัวเลขในปีที่ผ่านมาเทียบกับช่วงไตรมาสแรกในปีนี้ จะเห็นได้ว่าแค่เพียงยอดผลกำไรประกอบการจากไตรมาสแรกเพียง 'อย่างเดียว' มีตัวเลขสูงกว่าผลกำไรประกอบการตลอดปี 2009 เลยทีเดียว

เหล่าบรรดานักวิเคราะห์หุ้นต่างพาได้พากันประเมินยอดตัวเลขบวกกันอย่างน่าสนใจ โดยที่หนึ่งในนักวิเคราะห์อย่าง คิม ชางวอน ได้เผยว่า "นี่เพิ่งเป็นยอดไตรมาสแรกของ SM เพียงเท่านั้น ในปีนี้มันยังไม่จบเพียงแค่นี้แน่นอน มันเป็นรายได้ที่น่าเฟอร์เฟ็คและน่าเซอร์ไพร้มาก"

เขากล่าวต่อ "ภายในครึ่งหลังในปีนี้ ซูเปอร์จูเนียร์ และ f(x) ต่างก็ได้ออกผลงานกันมาอย่างต่อเนื่อง ในช่วงไตรมาสที่สาม โซนยอชิแดก็ได้เตรียมโปรเจ็คบุกทำกิจกรรมในญี่ปุ่น และทางโบอาก็ได้เตรียมคัมแบ็คในอัลบั้มฉลองครบรอบ 10 ปีด้วยเช่นกัน ดังนั้นเรื่องของรายได้มันจะหลั่งไหล่เข้ามาอย่างมากมายแน่นอน" เขากล่าว

แน่นอนสิ่งที่เป็นตัวชี้ขาดในการ 'ประสบความสำเร็จ' ของ SM มันก็มาจากอิทธิพลความยิ่งใหญ่ของโซนยอชิแด ด้านผู้เชี่ยวชาญหลายคนถึงกับกล่าว "โซนยอชิแด สุดยอดมาก" กับแผนการตลาดรูปแบบใหม่ของ SM

ในอดีตที่ผ่านมา บริษัทบันเทิงส่วนใหญ่มักจะอาศัยเพิ่งพากับ 'เหล่าโอป้า' ในการกระตุ้นยอดจำหน่าย อย่างไรก็ตาม หลังจากที่โซนยอชิแดได้ออกสู่ตลาด ทุกสิ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไป พวกเธอได้สร้างกองทัพแฟนคลับกลุ่มใหม่มากมายอาทิ 'เหล่าซัมชน(รุ่นคุณลุง)' 'เหล่าอาป้า(รุ่นพ่อ)' ในการขยายตัวของยอดจำหน่ายจึงขึ้นสูงอย่างมากมาย

หนึ่งในนักอุตสาหกรรมเพลงได้กล่าวว่า "นี่มันไม่ใช่แค่แฟนคลับวัยรุ่นเท่านั้นแล้วนะ มีทั้งแฟนคลับรุ่นคุณพ่อและคุณลุง นั่นจึงสามารถสร้างอำนาจในยอดจำหน่ายได้สูงอย่างมาก นี่มันเหมือนการเจาะตลาดกลุ่มใหม่ รวมถึงแนวโน้มในอนาคตที่สดใส"

'พลังแห่งโซนยอชิแด' ได้สะท้อนให้เห็นถึงการเจริญเติบโตในหุ้นของ SM อย่างเมื่อเริ่มแรกกับการเดบิวท์ของโซนยอชิแดใน สิงหาคมปี 2007 หุ้นของ SM ในช่วงนั้นมีมูลค่าราว 3,000 วอน จากนั้นมากับช่วงวิกฤตการณ์เลวร้ายในปี 2008 หุ้นลดหวบอย่างน่าใจหายลงมาอยู่ที่ 865 วอน ณ วันที่ 27 ตุลาคม 2008 ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ 'Gee' และ 'Tell Me Your Wish' ได้ออกมาครองชาร์ตกันอย่างถ้วนหน้า ทางด้านหุ้นของ SM ก็เริ่มลอยตัวสูงขึ้นด้วยเช่นกัน ในปัจจุบัน ณ วันที่ 28 พฤษภาคม มูลค่าหุ้นของ SM สูงถึง 10,800 วอน นั่นแสดงให้เห็นถึงการการประสบความสำเร็จหลังจากดีดตัวถึง 10 เท่า จากวิกฤตที่ต่ำที่สุดของมูลค่าหุ้น SM

ในการวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ชินยอง ได้กล่าวเมื่อเร็วๆนี้ไว้ว่าตลาดวงการเพลงดิจิตอลจะเป็นการเจริญเติบโตของ SM อย่างมาก ในปีที่ผ่านมา พวกเขาได้เจาะตลาดทาง Mobile อย่างแอฟฟิเคชั่น ใน iPhone ของ Apple ทำให้เข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น ซึ่งการเจริญเติบโตทาง Mobile นี้มีการคาดการณ์ถึงการขยายตัวอย่างรวดเร็ว จากความสะดวกในการ 'จัดเก็บเพลง' ไปจนถึง 'การเข้าถึงการใช้งานเพลง' นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ตลาดเพลงดิจิตอลได้เจริญเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว


-----
PLEASE TAKE OUT WITH FULL CREDITS:
Source: ฺHankyung
Translation: [email protected]
แปลไทย: Translator Gang ll SOSHIFANCLUB ll http://www.soshifanclub.com
-----