คงพูดได้แค่ว่า ตอนนี้ โซนยอชิแด ได้เปิดตัวเพลงใหม่ ซึ่ไม่ได้มีแนวที่คล้ายกับเพลงก่อน ๆ เลยแต่อย่างใด และก่อนหน้านี้ ก็ไม่เคยมีข้อโต้แย้งที่ร้อนแรงเกิดขึ้นที่เกี่ยวกับเพลง ๆ หนึ่งเช่นเพลงของโซนยอชิแดมาก่อน ซึ่งข้อโต้แย้งที่เกิร์ลกรุ๊ปมักจะถูกพูดถึงเป็นประจำจะเป็น 'คำแนะนำ' เสียส่วนใหญ่ เช่น คำแนะนำเกี่ยวกับท่าเต้น หรือชุดที่เปิดเผยเนื้อหนังมากเกินไป อย่างไรก็ตาม สิ่งที่กำลังถูกพูดถึงอยู่ ณ ขณะนี้ ไม่ใช่ท่าเต้น หรือว่าชุด แต่กลับที่ตัวเพลงต่างหาก

เพลง “I Got A Boy” เป็นเพลงแนวไหนที่ถึงกับทำให้ผู้คนถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง ที่รู้สึก 'ชอบ' และ 'ไม่ชอบ'?

เพลง 'I Got A Boy' ไม่ใช่เพลงที่คุณทนฟังไม่ได้ เพราะเดี๋ยวนี้มีเพลงของเกิร์ลกรุ๊ปหลาย ๆ วงที่คุณทนฟังไม่ได้ถูกปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง เพราะแต่ละเพลงเป็นเพลงที่มีแนวที่คล้ายกัน และยังให้ความรู้สึกที่คล้ายกัน อย่างไรก็ตาม เพลง “I Got A Boy” จะไม่มีวันเป็นเพลงที่อยู่ในระดับเดียวกับเพลงพวกนั้นอย่างเด็ดขาด เพราะถ้าหาก 'I Got A Boy' เป็นเพลงที่ใครก็ทนฟังไม่ได้ แน่นอนว่าคงจะไม่กลายมาเป็นประเด็นใหญ่ให้ผู้คนมากมายถกเถียงกันขนาดนี้ เพราะอย่างไรเสีย ก็ไม่มีคนฟังอยู่แล้ว

ประเด็นแรกสำหรับ “I Got A Boy” ก็คือ เป็นเพลงที่ไม่คุ้นเคยมาก่อน คงจะดีกว่าถ้าใช้คำว่า “แปลก” อย่างน้อยก็ช่วยสื่อความหมายออกมาได้ถูกต้องมากขึ้น. ความเปลี่ยนแปลงในบรรดาเพลงต่าง ๆ มีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง แต่ความเปลี่ยนแปลงในเพลง ๆ นี้กลับไม่ใช่สิ่งที่คุ้นเคยกับหูของทุก ๆ คนเหมือนแต่ละครั้งที่ผ่านมา เพราะฉะนั้น การจะทายว่าแนวของเพลง ๆ นี้จะเป็นอย่างไรจึงเป็นเรื่องยาก ซึ่ง 'I Got A Boy' เป็นเพลงที่แตกต่างจากเพลงของโซนยอชิแดก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง และถูกผู้คนปฏิเสธในตอนแรก

ถ้าคุณวางภาพของ "เกิร์ลกรุ๊ปร้องฮิปฮอป" ไว้ตรงหน้า คุณก็จะยิ่งปฏิเสธเพลง ๆ นี้มากขึ้น หลาย ๆ คนต่างหัวเราะ และมองข้ามสมาชิกของโซนยอชิแดที่แร็พอย่างเก้งก้างตามรายการวาไรตี้โชว์ต่าง ๆ และพูดว่า "Ayo!" แต่ผู้คนเริ่มจริงจังเมื่อพวกเธอแร็พคำว่า "Ayo GG" อย่างตั้งใจในช่วงอินโทร หลังพวกเธอให้สัมภาษณ์ว่าพวกเธอได้วางแผนที่จะร้องแร็พในเพลงใหม่ ทำให้ผู้คนต่างคิดว่า "แล้วจะดูว่าจะทำได้ดีขนาดไหน" ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็คล้ายกับความรู้สึกที่ผู้คนมีต่อวงบอยแบนด์เวลาที่บอกว่าจะทำเพลงร็อค แต่พูดตามตรง ท่อนแร็พในช่วงอินโทรของเพลง “I Got A Boy” มันดูงุ่มง่าม และไม่ค่อยให้ความรู้สึกที่เป็นมืออาชีพเลย

อย่างไรก็ตามถ้าไม่ได้มองถึงเรื่องนี้ คุณจะรู้สึกถึงเสน่ห์ที่แท้จริงของ 'I Got A Boy' ได้โดยการฟังเพลงนี้ต่อไปเรื่อยๆ เพลงนี้ดึงดูดความสนใจได้ดีเลยถ้าไม่ได้มองในส่วนนั้น

เพลง 'I Got A Boy' จริงๆแล้วประกอบไปด้วยสองส่วนด้วยกัน จังหวะช้า ๆ กับจังหวะที่เร็ว ที่ทำให้ทั้งสองส่วนแตกต่างกันอย่างมาก ในขณะที่ฟังดูต่างกัน แต่มันก็ยังแฝงไว้ด้วยความคล้ายกัน ความรู้สึกเหล่านี้เกิดขึ้นได้ เพราะความต่างของสองส่วนนี้ที่กลับเข้ากันได้ดีทีเดียว ความแตกต่างในเพลงทำให้มันดูน่าฟังมากยิ่งขึ้น

พอหลังจากท่อนแร็พตอนแรกจบ พวกเธอก็ปรับเข้าท่อนฮุคอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนเข้าท่อนฮุครอบสองที่เร็วขึ้นกว่าเดิม และทำให้ชัดเจนยิ่งขึ้นด้วยการพูดว่า “Ayo! Stop! Let me put it down another way.” การรวมทุกอย่างเข้าด้วยกันและไม่มีช่องว่างใด ๆ เปลี่ยนความเร็วของเพลงแบบนี้แล้วทำให้รู้สึกถึงคำว่าสุดยอด

ท่อนของทิฟฟานี่ที่ร้องว่า "ฉันโมโหจะตายอยู่แล้ว" สามารถขจัดจังหวะเสียงเพลงอิเล็กทรอนิกส์เร็ว ๆ นั้นออกไปทันที ไม่เหมือนกับครึ่งแรกของเพลงที่ยังได้ยินเสียงคุยกันอยู่ มันสามารถดึงความสนใจ และเปลี่ยนอารมณ์ของคนฟังได้ด้วยเสียงต่ำ ๆ และเมื่อพวกเธอพูดว่า “Don’t stop! Let’s bring it back to 140″ ก็กลับมาเพิ่มความเร็วอีกครั้ง แล้วก็กลับมาถึงตอนจบที่รวมท่อนฮุคสองท่อนเข้าด้วยกันโดยไม่มีเวลาให้คุณพักหายใจเลย ความยาวของเพลง 4 นาที 30 วินาที นี้ได้ถูกเติมเต็มและไม่มีความน่าเบื่อเลยแม้แต่น้อย และเพลงนี้จะสนุกขึ้นอีกถ้าคุณฟังไปด้วย และดูท่าเต้นของโซนยอชิแดในรายการเพลงไปด้วย

ในตอนท้ายถ้าคุณอยากจะเข้าถึงความสนุกของ "I Got A Boy" คุณต้องมีความเข้าใจค่อนข้างดีเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบภายในเพลงเลยทีเดียว ซึ่งวิธีที่คุณจะเข้าใจได้คือต้องฟังหลาย ๆ รอบ ถึงแม้ว่าจะเหมือนที่กล่าวมาในตอนต้น ที่พูดถึงเรื่องภาพลักษณ์ที่ดูขัดหูขัดตา เมื่อวงเกิร์ลกรุ๊ปมาทำฮิปฮอป ซึ่งทำให้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยในการที่จะทนฟังซ้ำไปซ้ำมา

แต่อย่างไรก็ตาม คุณอย่าตัดสินคุณค่าของเพลง ๆ นี้ โดยอิงมาตรฐานฮิปฮอปมากจนเกินไป เพราะนอกจากท่อนแร็พในตอนต้นแล้วนั้น แทบจะไม่มีส่วนไหนของเพลงเลยที่ถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่ฮิปฮอป ดังนั้น คุณก็ไม่ควรคาดหวังว่าสาว ๆ จะร้องเพลงแนวฮิปฮอปได้ดี เพลงนี้ถือเป็นเพลงที่ทำขึ้นมาได้ดี ซึ่งคุ้มในการที่จะฟังหลาย ๆ รอบอยู่แล้ว เช่นเดียวกัน ถ้าคุณคำนึงถึงเหตุผลที่ว่าทำไม โซนยอชิแดถึงต้องร้องเพลงนี้ มันมีเหตุผลที่สำคัญอยู่...

ที่พูดไปเช่นนั้น หมายความว่า การที่โซนยอชิแดเลือกเพลงนี้ขึ้นมาเพื่อโปรโมทนั่น หมายความว่า พวกเธอได้ก้าวผ่านข้อจำกัดของวงเกิร์ลกรุ๊ปที่มีอยู่ในปัจจุบันไปแล้ว ถึงแม้ว่าเราจะเริ่มเห็นความพยายามที่จะทำแบบนี้ตั้งแต่ "The Boys" แต่ "I Got A Boy" เป็นการตอกย้ำว่าพวกเธอกำลังเดินมาสู่แนวทางใหม่ ซึ่งเป็นแนวทางที่จะทำให้พวกเธอมีชื่อเสียง และเจิดจรัสในวงการนี้ได้อีกนาน

ก่อนหน้านี้จุดอ่อนของโซนยอชิแดที่เห็นได้ชัดก็คือพวกเธอไม่สามารถสลัดภาพเด็กสาวไปจากภาพลักษณ์ของพวกเธอได้เลย ยิ่งสมาชิกในวงมีอายุมากขึ้นกว่าต่อนเดบิวต์เท่าไร ภาพลักษณ์เหล่านี้จะยิ่งติดตัวพวกเธอไปจนสลัดไม่หลุด แล้วมันก็จะย้อนกลับมาทำร้ายตัวพวกเธอเองในท้ายที่สุดเมื่อเวลาผ่านไป และนี่ไม่ได้เป็นปัญหาที่จะมีแต่เฉพาะพวกเธอเท่านั้น เกิร์ลกรุ๊ปวงอื่น ๆ ก็กำลังประสบปัญหานี้เช่นเดียวกัน

และนี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเกิร์ลกรุ๊ปส่วนใหญ่ถึงต้องพยายามหาแนวทางในการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์แบบ "เด็กสาว" ให้เป็นอะไรที่ดูเป็น "ผู้ใหญ่" มากขึ้น อย่างไรก็ตาม "ความเซ็กซี่" ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการทำให้มีความเป็น "ผู้ใหญ่" แบบผิด ๆ ซึ่งมักจะทำให้ความนิยมของวงเหล่านั้นเสื่อมหายไป เพราะผู้คนส่วนใหญ่รับไม่ได้ ยิ่งในปัจจุบันวงเกิร์ลกรุ๊ปใหม่ ๆ ที่เดบิวต์มาด้วยภาพลักษณ์ "ใสซื่อบริสุทธิ์" ก็ยังไปไม่ค่อยรอดในแง่ของเสียงตอบรับอยู่แล้ว และมักจะถูกลืม และหายไปจากวงการในที่สุด

สาว ๆ โซนยอชิแด และบริษัท SM Entertainment ต่างก็ตระหนักถึงวงจรของเกิร์ลกรุ๊ป พวกเธอไม่ได้ไต่ระดับสู่ความเซ็กซี่ แต่มันเป็นไปตามวุฒิภาวะที่แท้จริง ซึ่งไม่ใช่ภาพพจน์ของเธอ แต่มันคือ "วุฒิภาวะทางดนตรี"

ฉันคิดว่าพวกคุณคงรู้ดีว่า แนวทางของโซนยอชิแดเป็นอย่างไร มันค่อย ๆ พัฒนาไปตามลำดับขั้น ที่เราเรียกกันว่า "วุฒิภาวะทางดนตรี" พวกเธอเป็นเกิร์ลกรุ๊ปผู้นำวงการเพลง K-Pop ให้โด่งดัง ซึ่งเพลง The Boys นี้เป็นหลักฐานแสดงได้อย่างดีว่า พวกเธออยากเปลี่ยนแนวเพลงเดิม ๆ ของเหล่าเกิร์ลกรุ๊ป อย่างอัลบั้ม maxi-single ที่ปล่อยออกมา ได้รวบรวมเพลง The Boys ไว้หลากหลายเวอร์ชั่น เต็มไปด้วยซาวน์แบบ electronic แสดงให้เห็นว่าพวกเธอเปลี่ยนแนวดนตรีไปแล้ว แน่นอนว่าการตอบรับจากแฟน ๆ ก็ไม่ได้เลวร้ายแต่อย่างใด แล้วก็คงไม่แย่เท่าเพลง I Got A Boy ในตอนนี้ ซึ่งในตอนแรกมีคนกล่าวถึงอย่างมากมายว่า "ทำไมพวกเธอถึงปล่อยเพลงแบบนี้ออกมา?"

แต่ประหลาดใจกับเพลงอย่าง The Boys หรือ I Got A Boy ก็ยังดีกว่าประหลาดใจกับการที่เห็นสาว ๆ โซนยอชิแด เปิดโชว์ขาอ่อน พร้อม ๆ กับใส่มินิสเกิร์ตยั่วยวนน่าอึดอัด ฉันคิดว่าแฟน ๆ ของโซนยอชิแดคงต้องขอบคุณ ที่ "เซ็กซี่โซนยอชิแด" ไม่ปรากฎออกมาให้พวกเราเห็น

ในขณะที่มีบางคนบอกว่าพวกเธอควรจะร้องเพลงแนวอื่นบ้างนอกจาก Gee ซึ่งเรื่องของกระแสความดังของเพลงแล้ว มันเป็นอะไรที่ไปได้สวย ไม่ใช่แค่ Gee แต่ Hoot และ Oh! ก็เช่นกัน เพลงเหล่านี้มันพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำเพลงแนวอื่น นอกจากเพลงที่มีท่อนซ้ำ ๆ ติดหู

ไม่ว่าผู้คนจะกล่าวถึงเพลง I Got A Boy อย่างไร แต่อย่างน้อย ตอนนี้มันก็ก้าวสู่ทางเดินของมันไปแล้วเรียบร้อย เป็นทางเดินที่เกิร์ลกรุ๊ปวงอื่นคิดไม่ถึง มันบอกให้เรารู้ว่า จงร้องเพลงออกมาเท่าไรก็ได้.. "เท่าที่คุณอยากโชว์ออฟ"


Source: Mydaily
Translated by: ch0sshi@soshified
Edited by: moonrise31@soshified, taengsoshi@soshified, MoonSoshi9@soshified
แปลไทย:jwesty21 + mashiks + A-Yo Sone! + yoonvisual ll soshifanclub ll http://www.soshifanclub.com