THE FLYING GIRL



ก่อนที่แสงแฟลชจากกล้องจะสว่างขึ้น ฉันได้บอกกับ ควอนยูริ ว่าฉันอยากถ่ายภาพเธอ 'ในฐานะนักแสดง' แต่หนึ่งในเก้าหญิงสาวที่เคลื่อนไหวเป็นหนึ่ง หญิงสาวที่ถูกตีตราว่าเป็น 'acting-dol' กลับกังวลว่าเธอจะสามารถยืนหยัดเพียงลำพังได้หรือไม่ ตลอดเวลาการถ่ายทำ ภาพที่เธอเฝ้าบอกกับตัวเองว่า 'ฉันไม่ใช่โซนยอชิแด ฉันคือนักแสดง' จับใจฉันมาก หญิงสาวกับแววตาที่ลึกลับ เร้าใจแต่ก็หม่นหมองอยู่ในที ไปจนถึงความเย้ายวนสูงสุด แต่เมื่อกล้องนั้นหยุดถ่ายลง เธอก็กลับมาเป็นเด็กผู้หญิงหัวเราะคิกคักเหมือนเดิม "ถ่ายแบบเป็นงานหนึ่งที่ฉันชอบมากที่สุดค่ะ บางเวลาถ่ายทำคุณจะเห็นกระของฉัน หรือบางทีที่ฉันทำสีหน้าแปลก ๆ สนุกดีค่ะ" ฉันมองดูเธอหัวเราะกับ 'ภาพน่าอาย' ของเธอตอนตาปรือ ทำให้ฉันรู้สึกว่าเธอเป็นคนที่ไม่เกรงกลัวความผิดพลาดหรือล้มเหลวใด ๆ เลย


มันไม่ใช่การตัดสินใจที่ง่ายเลย ที่จะก้าวข้ามจาก 'โซนยอชิแด ยูริ' มาเป็น 'นักแสดง ควอนยูริ' ในบทนำของละคร 'แฟชั่นคิง' ไอดอลหลายคนได้ข้ามมาลองงานแสดง ทำให้เกิดละครที่มีไอดอลเป้นศูนยฺกลางมากมาย ยูรินั้นอยู่บนสองบรรทัดฐาน ไอดอลที่ทุกคนรู้จักคุ้นเคยในสายงานที่ไม่คุ้นชินมักจะได้รับคำวิจารณ์ที่รุนแรงกว่าปกติอยุ่แล้ว ทั้งเธอยังเป็นศูนย์กลางของคลื่นไอดอล สมาชิกของโซนยอชิแดที่โด่งดังไปทั่วโลกเสียอีก "ฉันคิดว่ามันน่าจะง่ายกว่า ถ้าฉันไม่รู้อะไรเลยค่ะ ฉันเป็นนักร้อง ฉันรู้จักเวทีดี รู้จักกล้อง รู้ว่าสต๊าฟปฏิบัติกับฉันอย่างไร กองถ่ายละครไม่ใช่สถานที่ที่แปลกสำหรับฉัน แต่ก็ไม่ใช่อะไรที่คุ้นเคย ความคาดหวังของทุกคนที่มีติดมากับชื่อโซนยอชอแดก็เป็นเรื่องน่าลำบากใจเหมือนกัน ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสลัดชื่อนั้นทิ้งไป แต่ก็เป็นสิ่งที่ต้องทำค่ะ" นั่นคงเป็นก้าวแรกที่แสนลำบากของเธอ ที่ต้องเริ่มด้วยความไม่รู้ ไร้ซึ่งความกล้าหรือประสบการณ์ใด ๆ โอกาสที่จะได้แสดงละครนั้นอาจได้รับมาง่ายกว่านักแสดงหน้าใหม่ทั่วไป แต่การก้าวข้ามไปสู่ความเป็น 'นักแสดงตัวจริง' นั่นยากว่ามากมายนัก "ฉันอยากลองงานแสดงมาก่อนที่ฉันจะเดบิวท์เป็นนักร้องเสียอีกค่ะ นั่นคือเหตุผลที่ฉันเลือกการละครเป็นวิชาเอก เพราะการแสดงเป็นสิ่งที่ฉันอยากทำมานาน บางทีฉันก็รู้สึกว่าฉันคิดถึงมันมากกว่าเข้าถึงมันจริง ๆ หรือเปล่า ฉันจะรู้สึกผิดหวังมากเมื่อไม่สามารถแสดงออกมาได้อย่างใจคิดน่ะค่ะ และด้วยธรรมชาติของการทำงาน ฉันไม่มีเวลามากนักที่จะมาคิดทบทวนเกี่ยวกับตัวละครของฉัน ฉันต้องทำเรื่องสำคัญที่สุดอันดับต้น ๆ ก่อน อย่างการท่องบทแล้วก็เริ่มถ่ายทันทีเลย เป็นสภาพแวดล้อมที่ฉันไม่คุ้นสักเท่าไรค่ะ พอผลงานออกมาไม่เป้นไปตามที่ฉันคิด จึงทำให้ฉันเศร้ามาก" ทุกคำพูด ทุกการแสดงออกของเธอ ทำให้ฉันรู้สึกได้ถึงความต้องการและความหวังของเธอที่มีต่องานละคร ณ ช่วงเวลานั้น


การเป็นสมาชิกของโซนยอชิแดทำให้เธอได้รู้จักการทำงานเป็นทีม และการช่วยเหลือพึ่งพาอาศัยกันระหว่างสมาชิกในวง การสื่อสารกับนักแสดงคนอื่นใน 'แฟชั่นคิง' นั้นนับว่าเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เธอสามารถหัวเราะและร้องไห้ในฐานะที่เป็น ชเวอันนา ได้แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย แทนที่จะพยายามทำตัวให้โดดเด่นออกมาจากนักแสดงคนอื่น ยูริกลับเข้าหารุ่นพี่เหล่านั้น ที่ทั้งมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอหรือแม้กระทั่งอ่อนกว่า เพื่อขอคำแนะนำในการแสดง ถ้าไม่เข้าใจไม่มั่นใจในเรื่องใด เธอจะเข้าไปถามรุ่นพี่เหล่านั้นโดยไม่ลังเล "มันคงง่ายกว่านี้ถ้าพวกเขาเป็นรุ่นพี่ที่อายุมากกว่าฉันมากนะคะ แต่พวกเราอายุไล่เลี่ยกันหมด หรือเด็กกว่าฉันก็มี เลยลำบากนิดหน่อย แต่ถึงอย่างนั้น ถึงแม้ฉันจะเป็นฝ่ายเข้าหาก่อน พวกเข้าก้ให้ความช่วยเหลือฉันอย่างดีค่ะ ฉันมักจะสงสัยว่าฉันเข้าใจอารมณ์ของตัวละครถูกต้องหรือยัง หรือฉันแสดงได้ดีหรือยัง พี่อาอิน (ยูอาอิน) บอกว่าเขารู้สึกดีเหมือนได้ปลดปล่อยทุกครั้งเวลาที่ได้แสดงความรู้สึกข้างในออกมา ตัวละครของพี่อาอินทุกตัวถึงได้ดูอิสระและจริงตลอดน่ะค่ะ"


อาจจะจริงอย่างที่ ควอนยูริ ว่าไว้ เธออาจจะไม่สามารถแสดงได้อย่างสมบูรณ์แบบตั้งแต่ต้นจนจบ แต่เธอคือหญิงสาวที่รู้จักด้วยเองดี รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร ต้องการอะไร และแม้บางทีที่ต้องเดินออกนอกเส้นทางที่คุ้นเคย เธอก็รู้ดีว่าเมื่อไรที่ควรจะทิ้งความสับสนนั้นไปเสีย "พี่ฮาจองอู เป็นรุ่นพี่ฉันที่มหาวิทยาลัยค่ะ พี่เขาสอนฉันว่า แทนที่จะมานั่งหวังว่าจะมีคำแนะนำ ได้รู้ทุกอย่างในทันที ให้คิดเสียว่ามันเป็นขั้นตอนการเรียนรู้ เขาบอกว่าการที่ได้เล่นละครเรื่องหนึ่งเป็นประสบการณ์และการเรียนรู้ที่ดีสำหรับฉัน จงมีความสุขกับมันเถอะ ฉันมาเข้าใจคำพูดนี้ก็เมื่อละครจบนี่แหละค่ะ"


ในตอนแรก เธอพยายามที่จะวิเคราะห์ตัวละครของเธอ "ฉันพยายามหาลักษณะนิสัยของเธอค่ะ แทนที่ฉันจะกลายเป็น ชเวอันนา ฉันกลับสร้างลักษณะสมมติขึ้นมาแทน ฑุดด้วยโทนเสียงสมมติ ทำท่าทางสมมติ เวลาที่ต้องแสดงอารมณ์เศร้า ฉันก็จะสะกดจิตตัวเองว่าฉันเศร้าอยู่" หลังจากที่เป็นกังวลอยู่นานทั้งกับตัวเะอเองและเพื่อนร่วมงาน เธอก็เริ่มค้นพบความเหมือนระหว่างตัวเธอและตัวละคร ชเวอันนา เป็นผู้หญิงที่ทิ้งอดีตอันขมขื่นไว้เบื้องหลัง เพื่อก้าวสู่ความสำเร็จ ผู้หญิงยุคใหม่ที่ก้าวเดินต่อไปแม้จะผิดหวังเรื่องความรัก เธอไม่เพียงแต่เลียนแบบบุคลิกของหญิงสาวเมืองกรุง แต่ถ้ายังเข้าใจและเห็นอกเห็นใจไปกับอดีตของตัวละครด้วย "โซนยอชิแด ยูริ มีภาพลักษณ์ที่สดใสร่าเริงค่ะ แต่ฉัน ควอนยูริ ชอบใช้เวลาว่างตามลำพัง เป็นคนธรรมดาที่มีความกังวลทั่วไป แล้วก็ทำงานหนัก ตอนที่ฉันยังคงเป็นเด็กฝึกหัดอยู่ ฉันเคยรู้สึกว่าทางนี้ไม่เหมาะกับฉันเสียเลย แล้ววันถัด ๆ มาก็เหมือนเดิม แต่ถ้าวันต่อไปทุกสิ่งเป็นไปได้ด้วยดี ฉันก็จะคิดว่ามันเป็นความรับผิดชอบของฉัน และเริ่มวิ่งตามฝันอีกครั้ง ชเวอันนา ก็เป็นแบบนั้นค่ะ ผิดหวังกับความรักมา พอวันรุ่งขึ้นตื่นมา ก็มีเรื่องผิดหวังเดิม ๆ อีก"


โดยปกติแล้ว นักร้องที่กลายมาเป็นนักแสดงมักจะรักษาภาพลักษณ์เดิมไว้ การตัดสินใจของเธอนั้นนับว่ากล้าหาญมาก เอกลักษณ์ของเธอคือเรื่องสุขภาพที่แข็งแรงและเสียงหัวเราะที่จริงใจ มันคงจะง่ายกว่าหากเธอรับบทที่สดใสร่าเริง เพราะอะไรเธอถึงเลือกบทที่หวือหวาแต่ก็หดหู่อย่าง ชเวอันนา ให้เป็นบทแรกของเธอกัน "มีหลายเหตุผลนะคะ ฉันต้องการแยก โซนยอชิแด ยูริ กับ นักแสดง ควอนยูริ ออกจากกันค่ะ แทนที่จะเป็นตัวละครที่ 'เหมือนฉัน' ฉันอยากแสดงให้เห็นถึงภาพลักษณ์อื่นมากกว่า แสดงด้านอื่น ๆ ในตัวฉันออกมาเป็นครั้งแรกค่ะ สิ่งที่ฉันต้องการในตอนแรกก็คือ 'ฉันหวังว่าคนดูจะไม่นึกไปถึงโซนยอชิแดนะ'" ตลอดเวลาที่ฉันได้ดู แฟชั่นคิง ฉันไม่เห็น โซนยอชิแด ยูริ ในตัว ชเวอันนา เลย ไม่ว่าจะเป็นท่าทางการเดิน สีหน้าและโทนเสียงทั้งเวลาหยิ่งผยองหรือสงบเสงี่ยม เวลาที่เธอตัวสั่นเทาพยายามปกป้องศักดิ์ศรีที่เหลืออยุ่น้อยนิดด้วยการไม่ร้องไห้ จนถึงฉากที่เธอต้องกินยาระงับประสาทหลังจากสูญเสียความรักมา มันยากที่จะนึกไปถึง 'ยูริ' ผู้ที่สดใสเสมอเมื่ออยู่บนเวที หลังจากได้ฟังคำของฉัน เธอบอกว่าเธอได้บรรลุเป้าหมายแรกของเธอแล้ว และกึ่งร้องกึ่งพูดต่อในแบบฉบับของเธอว่า "แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็หวังว่าจะได้รับบทที่สดใสขึ้น ยิ้มมากขึ้น ได้แสดงแอกโย แล้วก็เป้นที่รักบ้าง ไม่มีข้อแม้นะคะ!"


ควอนยูริ นั้นกล้าหาญ ไม่ว่าคุณจะถามอะไรกับเธอ เธอจะไม่เฉไฉเลย เธอสามารถตอบคำถามเรื่องที่เปราะบางได้อย่างสดใส เธอตระหนักถึงข้อดีและข้อเสียของตัวเอง และไม่พยายามที่จะปิดบัง เธอแสดงความมั่นใจของเธอออกมาระหว่างการถ่ายทำ เธอมักจะเล่าเรื่องตลก และพูดกับช่างภาพว่า "ฉันว่าเรามีรสนิยมเหมือน ๆ กันนะ!" พลังของเธอมาจากร่างกายและจิตใจที่แข็งแรง "คนเราจะสวยที่สุดก็ตอนที่มีสุขภาพดีค่ะ นั่นคือเหตุผลที่ฉันชอบออกกำลังกาย ใช้เวลาตามลำพัง ออกเดินทางท่องเที่ยว ร่างกายและจิตใจของคนเราเชื่อมโยงกันนะคะ ถ้าจิตใจของเราแข็งแรง ภายนอกเราก้จะดูแข็งแรงไปด้วย ฉันคิกว่าการใช้เวลาตามลำพังนอกเวลางานนั้นจำเป็นมากค่ะ พอมีวันหยุด ฉันก็จะเล่นสนุกสนานไปเรื่อยค่ะ ฉันเล่นโยคะ ว่ายน้ำ และไม่นานมานี้ก็เริ่มเรียนศิลปะการป้องกันตัวด้วย ขี่ม้า มวย มวยไทย ฟันดาบ ฉันทำหมดเลยค่ะ (หัวเราะ)" ด้วยสิ่งเหล่านั้น ฉันว่าเราอาจจะได้เห็น ควอนยูริ ในงานที่หลากหลายออกไปอีกก็เป็นได้


แยกแยะชีวิตส่วนตัวกับการทำงานออกจากกัน และปรับตัวระหว่างทั้งสองสิ่งได้อย่างดี เพียงเห็นหน้าก็รับรู้ได้ถึงการใช้ชีวิตที่ดีของเธอแล้ว เมื่อเราใช้ชีวิตแบบนั้น ทุกอย่างจะบ่งบอกผ่านสีหน้า ท่าทาง วิธีการพูด ชีวิตและปรัชญาการใช้ชีวิตของเราจะชัดเจนขึ้น "เวลาที่ฉันดูนักแสดงหรือนักร้องที่ฉันชอบ ไม่ใช่แค่หน้าตาที่สวยหล่อ แต่ร่องรอยการใช้ชีวิตของเขาต่างหากที่ทำให้เขาดูดี ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศรอบ ๆ ตัวเขา คำพูดที่ใช้ สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านั้นทำให้คนเราสวยงามค่ะ" ดูเหมือนว่าเธอค่อย ๆ รวบรวมคุณลักษณะเหล่านั้นและบ่มเพาะมันเอาไว้ "ก่อนที่ฉันเป็นนักแสดงในแบบที่ฉันต้องการ ฉันอยากเป็นคนที่บริสุทธิ์ จริงใจ และมีพลัง คนที่มีเสน่ห์หลากหลาย สามารถแสดงออกได้ไม่ว่าจะถูกจับแต่งให้เป็นแบบไหนอยู่ก็ตาม ถ้าฉันเป็นคนแบบนั้นได้ ฉันก็ต้องเป็นนักแสดงแบบนั้นได้ใช่ไหมคะ" บางคนอาจจะเปรัยบเปรยไอดอลเป็นตุ๊กตา แต่ ควอนยูริ ไม่ใช่แบบนั้น ฉันเคยนึกภาพเธอเป็นเด็กสาวอายุ 24 ที่อ่อนเดียงสาและร่าเริง แต่ในตอนนี้ เธอคือผู้หญิงที่จริงจังกับการแสดง และทำงานหนักเพื่องานแสดงนั้น ไร้ซึ่งความประหม่า เธอจะทำฝันของเธอให้เป็นจริงได้อย่างไม่รีบเร่ง และเราคงจะโชคดีที่จะได้เห็นนนักแสดงอีกหนึ่งคนชื่อ ควอนยูริ



--------------------------------

Source: BAZAAR 7월호 유리 인터뷰 전문 有有 by 탱:Limeade
Eng trans: @ch0sshi
แปลไทยโดย tamatron ll SOSHIFANCLUB ll http://www.soshifanclub.com
กรุณานำออกไปพร้อมเครดิตทั้งหมด





ยาวหน่อยนะคะ แต่ถ้าอ่านจบนี่ ปีนี้ก็ได้ชื่อว่าอ่านหนังสือเกินหกบรรทัดแล้วล่ะ 555