เมื่อนานมาแล้ว เจสสิก้าเคยยืนอยู่ข้างหน้ากล้องของกองถ่ายแบบนิตยสาร Marie Claire เมื่อก่อนเวลาปรากฏตัว เธอจะมาพร้อมกับผู้จัดการและทีมงานเป็นกลุ่มๆเลย แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน เธอมาที่สตูดิโอนี้เพียงคนเดียว และมันก็เป็นวันก่อนวันเกิดของเธอ แฟนๆที่สนิทกับเจสสิก้าก็เรียกเธอ "สิก้า" แล้วมาพร้อมกับคัพเค้กหลายอันและเครื่องดื่มต่างๆสำหรับเจสสิก้าและทีมงานกองถ่าย ดูเหมือนเจสสิก้าจะมีน้ำมีนวลขึ้นนะพักนี้ แถมเธอยังดูยุ่งๆอยู่กับการเตรียมคอลเล็คชั่นใหม่สำหรับแบรนด์แฟชั่น 'Blanc & Eclare' ของเธอ

นี่เป็นการสัมภาษณ์เจสสิก้าครั้งแรก หลังจากเรื่องราวต่าวๆเกิดขึ้น เธอดูเหมือนจะระมัดระวังเกี่ยวกับการตอบคำถามมากขึ้น แต่มองเพียงแค่แว้บเดียวคุณก็จะเห็นได้เลยว่าตอนนี้เธอกำลังปล่อยให้เรื่องราวต่างๆผ่านพ้นไป และกำลังไล่ตามความฝันครั้งใหม่นี้อยู่


เจสสิก้า: สำหรับคอลเล็คชั่นของซีซั่นนี้ แบรนด์ Blanc & Eclare จะเน้นไปทางเดนิมค่ะ จริงๆแล้วเดนิมเป็นอะไรที่ยากนะคะ ฉันค่อนข้างคิดถึงมุมมองของผู้ที่จะใส่สินค้าคอลเล็คชั่นนี้มากๆ เวลาดีไซน์กางเกงสกินนี่ด้วยผ้าเดนิมนั้นฉันต้องคิดถึงความยาวที่ลูกค้าชาวเอเชียใส่แล้วจะพอดี ที่ฮ่องกงและจีนนั้น คุณสามารถห้าช็อป Blanc & Eclare ได้ที่ Lane Crawford ค่ะ ส่วนที่เกาหลี เราเปิดเป็น pop-up store และฉันกำลังคิดว่าจะเปิดเป็นร้านจริงจังๆในห้างเร็วๆนี้ด้วยค่ะ


ไม่นานมานี้เจสสิก้าได้ผ่านเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงอะไรมามากมาย และจากการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น เธอก็ถูกว่าและด่าถอด้วยคำพูดต่างๆมากมาย แทนที่เธอจะมานั่งใช้เวลาคอนเฟิร์มเรื่องไหนจริงเรื่องไหนไม่จริง เธอกลับค่อยๆใช้เวลาของเธอไปกับด้านแฟชั่นอย่างเงียบๆแทน เริ่มต้นที่จะเผชิญกับโลกอีกใบ ที่ห่างออกไปจากการแสดงบนเวที

เจสสิก้า: พูดตรงๆเลยนะคะ ฉันค่อนข้างตื่นเต้นและกังวลกับการให้สัมภาษณ์ค่ะ บางทีบางบทความก็สื่อไปในทางที่ฉันไม่ได้ต้องการจะสื่อ ทำให้เกิดเรื่องราวต่างๆที่เข้าใจผิดกัน แล้วเวลาเกิดเรื่องอย่างนั้นขึ้น ฉันก็ไม่สามารถไปอธิบายหรือชี้แจงได้ทุกครั้งในแต่ละทีที่เกิดขึ้น ถ้ามองในภาพรวมแล้ว ฉันคิดว่าเราควรที่จะให้เรื่องต่างๆมันกระจ่างเองดีกว่าที่จะมานั่งแก้ต่างในทุกเรื่องค่ะ

เจสสิก้า: บางทีฉันก็รู้สึกว่ากำลังได้รับความเกลียดชังจากโลกนี้ค่ะ ถ้าจะให้พูดว่าเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมาไม่กระทบอะไรกับฉันก็คงจะเป็นเรื่องโกหกค่ะ แต่ฉันว่าพักนี้ผิวของฉันหนานะ ฉันพยายามจะทำให้ตัวเองแข็งแรงขึ้นค่ะ ฉันค่อนข้างจะดูเหมือนเป็นคนดุร้ายมั้งคะ เลยคิดว่านั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมคนถึงเกลียดชังฉัน


เจสสิก้า: สำหรับฉันแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นดูน่ามองไปหมดค่ะ ภาพวาดภาพสเก็ตต่างๆที่ฉันวาดกลายมาเป็นสินค้าต่างๆ และมันก็เป็นอะไรที่ตื่นเต้นมากๆเลยค่ะเวลาที่เห็นสินค้าพวกนั้นวางโชว์อยู่ในร้านและโดนคนเข้ามาจับจองและซื้อไป แต่มีบางคนที่เข้าใจผิดว่าฉันเป็นเจ้าของของแบรนด์นี้แต่เพียงผู้เดียว แต่ความเป็นจริงแล้ว การที่สินค้าชิ้นนึงจะสำเร็จออกมาวางขายได้นั้น สมาชิกต่างๆในทีมจะต้องระดมสมองและไอเดียกันค่ะ ฉันรู้สึกอายเล็กน้อยและรู้สึกว่ามันเป็นภาระในการที่ขึ้นชื่อว่าป็น 'ตัวแทน' และ 'CEO' บางทีฉันก็รู้สึกเสียใจนะคะ ที่ความตั้งใจของคนอื่นถูกละเลยเพียงเพราะชื่อของฉัน

ครอบครัวของเธอ คือความแข็งแกร่งของเจสสิก้าในช่วงเวลาที่ยากลำบากแบบนี้ ไม่นานมานี้เจสสิก้าได้เดินทางไปพักร้อนกับน้องสาว, คุณแม่, และคุณพ่อของเธอ นับว่าเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ไปเที่ยวพักผ่อนด้วยกันทั้งครอบครัวตั้งแต่เธอเดบิวมา

เจสสิก้า: หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไปมากค่ะ ถ้าเปรียบกับตอนที่ฉันยังเป็นโซนยอชิแดอยู่ ฉันมีความสุขและเอ็นจอยช่วงเวลาที่ฉันได้ใช้กับสมาชิกคนอื่นๆนะคะ แต่ตอนนี้ฉันอยู่ตัวคนเดียว ฉันมีเวลามากขึ้น ฉันวางแผนจะไปศึกษาต่อในด้านแฟชั่นอย่างจริงจังค่ะ แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจเรื่องเวลา ตอนนี้ก็ศึกษาด้วยตัวเองอยู่ค่ะ แม้ว่าฉันจะต้องผ่านช่วงเวลาอันแสนยากลำบาก แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปฉันก็มีความสุขมากขึ้นค่ะ


เจสสิก้าได้รับอิสระในการตัดสินใจมากขึ้นด้วย

เจสสิก้า: ถ้าฉันยังเป็นสมาชิกโซนยอชิแดอยู่ ฉันคงไม่ได้ถ่ายแบบครั้งนี้ค่ะ การเป็นไอดอลนั้นต้องดูมีความสุขและร่าเริงอยู่เสมอ ต้องอ่อนโยน, บริสุทธิ์, และสดใสค่ะ แต่ตอนนี้ฉันอายุ 27 ปี แล้ว ฉันไม่สามารถเป็นเพียงเด็กสาวที่จะร่าเริงไปได้ตลอดหรอกนะคะ บางคนพอเห็นภาพพวกนี้แล้วอาจจะคิด 'พอออกจากโซนยอชิแดแล้ว เธอก็ถ่ายแบบเปิดนู่นเปิดนี่เลยนะ' แต่ฉันไม่ใช่เด็กสาวอีกต่อไปแล้วนี่คะ ฉันคิดว่ามันก็โอเคนะที่จะเผยภาพลักษณ์ที่คนอื่นจะมองฉันในฐานะผู้หญิงคนนึงบ้าง ฉันเดบิวตอนอายุ 19 ปีค่ะ บางครั้งเลยโดนห้ามหรือมีลิมิตนู่นนี่บ้างเลยทำให้รู้สึกอึดอัด แต่ตอนนี้ฉันเป็นคนตัดสินใจเองแล้ว พอได้ตัดดสินใจมาถ่ายแบบด้วยตัวเองแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแย่สักนิดเลยค่ะ


เจสสิก้าได้เลือกที่จะปล่อยวางกับเรื่องราวที่น่าเสียใจและขุ่นมัวในอดีต เรื่องราวต่างๆที่คนเข้าใจผิดกับเธอ เธอเลือกที่จะใช้เวลาในแต่ละวันสร้างหนทางและมุ่งหวังไปข้างหน้าแทน เธออยากจะเรียนรู้ในด้านแฟชั่นและผลงานเพลงที่จะสามารถถ่ายทอดเสน่ห์เสียงของเธอออกมาได้

เจสสิก้า: พักนี้ฉันคิดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเองค่อนข้างเยอะค่ะ อีกไม่กี่ปี ฉันก็จะอายุ 30 แล้ว บางทีฉันก็รู้สึกกังวล ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าทำไม แต่ตอนนี้ฉันคิดว่า ฉันควรจะใช้ชีวิตเพื่อตนเองไม่ใช่ผู่อื่น ตอนนี้ฉันก็ตัวคนเดียว ข้อบกพร่องต่างๆของฉันที่เหล่าสมาชิกเคยเป็นคนเติมเต็ม ฉันต้องเป็นคนแก้ไขและเติมเต็มด้วยตัวเองค่ะ ฉันต้องเป็นคนที่สามารถเข้าหาคนได้ในครั้งแรกที่เจอกัน ฉันต้องพยายามทำให้คนรอบข้างฉันรู้สึกสบายใจเวลาอยู่กับฉันค่ะ ฉันคิดว่าเวลาคนอื่นเห็นฉัน เขาคงคิดว่าฉันเป็นกำแพงค่ะ มันค่อนข้างเป็นเรื่องยากสำหรับฉันนะคะ ถ้าจะให้เข้าหาใครก่อนโดยที่เราไม่ได้สนิทกับคนๆนั้น ฉะนั้นเวลาไปงานอีเวนท์ต่างๆด้วยตัวของฉันเอง ฉันจึงต้องเป็นฝ่ายเข้าหาคนอื่นก่อนเพื่อที่จะทำให้เขารู้สึกว่าเขาก็สามารถเข้าหาฉันได้นะ ช่วงนี้ฉันกำลังพยายามจะทลายกำแพงนั้นลงค่ะ


พอมานึกดูแล้ว เจสสิก้าที่เรารู้จักนั้นคือ 'เจ้าหญิงน้ำแข็ง' เธอไม่ได้เป็นคนที่สดใสร่าเริง เธอค่อนข้างจะเป็นคนขี้อาย พูดอ้อมๆไม่ค่อยพูดตรงๆ เธอพยายามจะบอกคุณด้วยวิธีง่ายๆแทน ฉะนั้นคุณคงพอนึกภาพออกว่าทำไมคนอื่นๆถึงมองว่าเธอเหมือนกำแพง และทำไมคนอื่นๆถึงเข้าใจเธอผิด เจสสิก้าผ่านอุปสรรคมาเยอะ และตอนนี้ เธอกำลังมุ่งหน้าต่อไปในทางที่เธอฝัน เธอกำลังใช้ชีวิตเพื่อความฝันของเธอ ความฝันที่เธอเป็นคนลงมือผลักดันเอง และเธอกำลังใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานฝันถึงความฝันครั้งใหม่ของเธอต่อไปเรื่อยๆ

Source: Onehallyu, Marie Claire Korea
แปลไทย: Translator Gang ll soshifanclub ll http://www.soshifanclub.com