คุณคิดว่า ไอดอลคนไหนที่เหมาะสมกับตัวละครใน Koala Kid มากที่สุด? แล้วถ้าเป็นแทมิน จากวง SHInee และซันนี่ จากโซนยอชิแดล่ะ จะเหมาะสมหรือไม่? แทมิน และซันนี่ ได้ให้เสียงตัวละครหมีโคอาลาชยานีผู้ซึ่งปรารถนาจะเป็นฮีโร่ และหมีโคอาลามิรันดาผู้ทรงเสน่ห์ ในภาพยนตร์การ์ตูนสามมิติเรื่อง Koala Kid: Birth of hero (เรียกสั้น ๆ ว่า Koala Kid)

การให้เสียงพากย์ตัวการ์ตูนครั้งนี้นั้น นับได้ว่าเป็นประสบการณ์ครั้งแรกของสองไอดอลผู้น่ารักเหมือนหมีโคล่าในภาพยนตร์ ในการพากย์ครั้งนี้ ถือว่าเป็นการสร้างประสบการณ์ในการร้องเพลง และการเต้นครั้งใหม่แก่ไอดอลทั้ง 2 คนนี้

Q: คุณได้มาพากย์เสียงตัวละครเป็นหมีโคอาลา ไม่ทราบว่าคุณเอง ก็ชอบ(รู้จัก)ตัวละครเรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า
แทมิน: ผมทราบถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตของหมีโคอาลาดีครับ เพราะฉะนั้นผมถึงต้องเตรียมตัวมาอย่างดีเพื่อมาพากย์เจ้าชยานีโดยเฉพาะ (หัวเราะ) หมีโคอาลานั้น จะชอบกินใบไม้ของต้นยูคาลิปตัส และต้นอาคาเซีย เพราะฉะนั้นมีโคอาลาจึงไม่ค่อยกระหายน้ำมาก และหมีโคอาลาจะไม่ค่อยดื่มน้ำบ่อยสักเท่าไร หมีโคอาลานั้นจะนอนประมาณวันละ 20 ชั่วโมง ส่วน 4 ชั่วโมงทีเหลือนั้น มันจะใช้ไปกับการกิน หรือไม่ก็พักผ่อน ซึ่งหมีโคอาลาส่วนใหญ่นั้น จะใ้ชีวิตอยู่ในทางตะวันออกของออสเตรเลียครับ….

Q: ได้ยินคนเล่ามาเยอะเลยว่า ซันนี่คล้าย ๆ กับหมีโคอาลา
ซันนี่: ตอนที่ฉันพากย์เสียงเป็นหมีโคอาลา มีหลายคนเลยค่ะที่บอกว่าฉันเหมือนกับโคอาลามาก แต่ฉันคิดว่าแทมิน เหมือนโคอาลายิ่งกว่าฉันเสียอีกนะคะ ทั้งการนอน การกิน (หัวเราะ)

Q: ตอนที่ได้รับข้อเสนอให้ไปแคสติ้งเสียงพากย์ รู้สึกอย่างไร
แทมิน: ก่อนหน้านี้ ผมไม่มีโอกาสที่จะได้ลองทำอะไรแบบนี้เลยครับ แต่พอได้มีโอกาสมาทำแล้ว ผมก็รู้สึกดีใจแบบสุด ๆ ไปเลยล่ะครับ และผมก็คิดว่าจะต้องทำให้ดีที่สุด ผมเล่าเรื่องนี้ให้พี่ผู้จัดการฟังด้วยล่ะครับ ในครั้งนี้ผมได้มีโอกาสมาร่วมงานกับพี่ซันนี่ และรุ่นพี่อย่าง พี่ ยุนดาฮุน ผมจึงคิดว่าผมโชคดีมาก ๆ เลย

ซันนี่: ตอนแรก ฉันคิดว่าการพากย์เป็นเสียงที่ง่ายค่ะ เพราะในตอนเด็ก ๆ นั้น ฉันชอบดูการ์ตูนของดิสนีย์ ก็เลยชอบมาก แต่พอได้มาลองเสียงพากย์ ซึ่งตาของฉันจะต้องมองจอมอนิเตอร์ และปากของฉันก็จะต้องอ่านบทพากย์ ฉันทำอะไรไม่ถูกเลยล่ะค่ะ เครียดแบบสุดเลย ๆ ว่าไม่รู้จะทำอย่างไร แบบนี้ต้องทำยังไง แบบนั้นต้องทำยังไง ฉันเครียดมากเลยค่ะ ก็เลยไปหัดซ้อมดู ซึ่งโชคดีมากเลยค่ะ ที่มีสตาฟฟ์มาค่อยสอนฉันด้วย ฉันก็เลยสามารถพากย์ได้ดียิ่งขึ้น แต่ฉันก็ยังคงอาย ๆ อยู่ แต่ก็ดีใจค่ะ ที่พวกเขาแนะนำฉันอย่างดี ฉันเลยสามารถพากย์เสียงให้ได้ดีมากขึ้น ถึงแม้จะทีละเล็ก ทีละน้อยแต่พวกเขาก็ยังคงอดทนที่จะคอยให้คำปรึกษาฉันค่ะ

Q: พอได้ดู ซันนี่ ในรายการวาไรตี้ต่าง ๆ ที่คล้าย ๆ กับ Invincible Youth (กับตอนพากย์) แล้ว ซันนี่ไม่ค่อยมีคาแร็กเตอร์ที่ฮา ๆ เท่าไรเลย ประหลาดใจมาก

ซันนี่: ฉันมีสวิทซ์เปลี่ยนโหมดเวลาออกรายการค่ะ
แทมิน: นี่สิครับ ซุปตาร์ตัวจริง!

Q: ทั้งแทยอน และซอฮยอน ต่างก็เคยให้เสียงพากย์ในภาพยนตร์เรื่อง Super Bad มาแล้ว ทั้งแทยอน และซอฮยอน ช่วยซันนี่ในการพากย์ครั้งนี้ได้เยอะไหม
ซันนี่: ฉันฝึกอยู่กับพวกเธอ 4 วันเต็ม ๆ ค่ะ แต่เนื่องจากฉันไม่ค่อยมีเวลาเสียเท่าไร ฉันจึงต้องพยายามซ้อมให้ดีให้เร็วที่สุดค่ะ ฉันก็ไปเล่าให้พวกเธอฟังค่ะ ว่าจะมาพากย์หนัง พวกเธอก็ช่วยได้เยอะมาก พวกเธอบอกว่า เวลาพากย์หนังอนิเมชั่น เธอต้องใส่อารมณ์ให้โอเวอร์นะ แต่ต้องพากย์ให้มันเป็นธรรมชาติ เพื่อที่เธอจะสามารถทำให้คนดูสนุกไปกับตัวภาพยนตร์ได้

Q: ก่อนหน้านี้ แทมิน เคยมีประสบการณ์กับละครซิทคอมเรื่อง Hilarious Housewives มาแล้ว คิดว่าการพากย์ครั้งนี้ คงจะง่ายอยู่ไม่น้อย
แทมิน: อันที่จริงแล้ว ผมก็ไม่ได้ทำได้ดีอะไรเท่าไรหรอกครับ ตอนที่เล่นละครซิทคอม ผมก็ยังต้องเรียนการแสดงอยู่ครับ เนื่องจากจะได้มาพากย์ภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมก็คิดว่ามันจะเหมือนกันหรือเปล่านะ และการที่ได้มาพากย์เจ้าชยานีไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลยล่ะครับ ผมต้องซ้อมอีกเยอะครับ ในการขยับปากเวลาพูดให้ถูกจังหวะ เพราะผมสื่ออารมณ์ออกมาทางคำพูดไม่ค่อยได้เท่าไร อย่างที่พี่ซันนี่บอกครับ ต้องพากย์ให้แบบกล้า ๆ เข้าไว้ และละความกลัวออกไปครับ

Q: ตัวละคร ชยานี นั้นเป็นตัวละครที่ค่อนข้างขี้ขลาด และโลเล ส่วนตัวละครมิรันดานั้น จะเป็นตัวละครที่กล้าหาญ เวลาพากย์ ซึ่งน้ำเสียงที่จะใช้นั้นต่างกัน ผู้กำกับจะคอยแนะว่า ต้องออกเสียงอย่างนั้น อย่างนี้เป็นพิเศษหรือไม่
แทมิน: ผู้กำกับบอกกับผมว่า ผมจะต้องเลือกใช้โทนเสียงให้เข้ากับคาแร็กเตอร์ของตัวของชยานี และเมื่อผมลองใช้เสียงผมพากย์เจ้าชยานีดู มันก็เข้ากันได้ ผมเลยไม่ต้องแก้อะไรมากมายครับ โชคดีมาก ๆ เลยล่ะครับ ผมคิดว่าผมสามารถทำให้น้ำเสียงของผม เข้ากับคาแร็กเตอร์ของชยานีได้ครับ
ซันนี่: มิรันดา เป็นตัวละครที่ค่อนมีเสน่ห์ค่ะ เพราะเธอจะค่อนข้างห้าว ลำเพียงแค่พากย์เสียงออกมาให้ดูห้าวหาญมันก็ยากสำหรับฉันแล้วค่ะ และถ้าจะให้พากย์เสียงตอนที่สู้กันด้วย ฉันก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงค่ะ มันยากมาก ๆ ค่ะ ตอนแรกที่ฉันได้ยินเสียงตัวเองฉันรู้สึกเขิน ๆ ยังไงก็ไม่รู้ค่ะ แต่ผู้กำกับกับสตาฟฟ์ ก็คอยอธิบายให้ฉันฟังว่า ต้องทำแบบนั้นแบบนี้ค่ะ พอฉันไม่ทราบว่าควรจะพากย์อย่างไรกับฉากฉากนี้ ฉันก็จะลองถาม พอได้รับคำอธิบายมาฉันก็สามารถทำได้ดีค่ะ

Q: ตัวละครชยานีและมิรันดา จะทะเลาะกันอยู่เสมอ แต่สุดท้ายก็มาถึงฉากที่รักกัน ได้ยินมาว่า ซันนี่และแทมินต้องแยกกันซ้อม เห็นว่ามีมือสั่นด้วยนี่นา
ซันนี่: ฉันได้ยินว่า แทมินไปซ้อมเป็นคนแรกเลยค่ะ ฉันเองก็ซ้อมเหมือนกัน ครั้งแรกที่ฉันได้ยินเสียงของแทมิน ฉันก็ขำค่ะ ผู้กำกับก็ถามฉันว่า เธอหัวเราะทำไม ฉันก็ตอบว่า “ไม่มีอะไรค่ะ แค่สงสัยว่าแทมินฝึกยังไง ทำไมเสียงถึงฟังดูแปร่ง ๆ แบบนั้นน่ะค่ะ"
แทมิน: ก็ซ้อมอย่างอาย ๆ ไงครับ (หัวเราะ) พี่ซันนี่เอง หลังจากที่อัดเสียงไปแล้ว ก็ต้องมีการแก้ไขปรับปรุงเหมือนกันครับ พอถึงเวลาต้องอัดครั้งแรกแล้ว พอได้ฟังเสียงในหนังผมรู้สึกสั่น(ตื่นเต้น)ยิ่งกว่าเดิมอีกครับ

Q: ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองคนได้มาพากย์หนัง เวลาจะอุทานเสียงออกมาให้คล้ายกันก็คงจะยากน่าดู
ซันนี่: มันจะมีอยู่ฉากหนึ่งที่ชยานีและมิรันดานั่งบนรถเลื่อนหิมะ และขี่เจ้ากิ่งก้ายักษ์ค่ะ และแทมินต้องร้องว่า "อ่าา~ อ่าา~ อ่าา~ " แทมินซ้อมอุทานว่า "อ่าา~ ” ไปตั้งสามสี่รอบ ฟังไปแล้วก็ตลกดีเหมือนกันค่ะ แทมินก็พูดว่า “คุณซันนี่ครับ มันน่าตลกตรงไหนเนี่ย" ค่ะ (หัวเราะ)


Q: ฉากในไหน Koala Kid ที่ตรึงใจมากที่สุด
แทมิน: อืมมม คงจะเป็นฉากจบครับ ฉากที่มิรันดากับชยานีจูบกันครับ เป็นฉากที่สวยมาก ๆ เลยล่ะครับ
ซันนี่: ตอนแรกที่ฉันได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้ก่อน แต่พอมาถึงฉากสุดท้าย ฉันก็ไม่ค่อยสบอารมณ์นิดหน่อยค่ะว่า แล้วฉันจะทำเสียงจูบยังไง ให้มันดูเหมือนโคอาลา… ฉันทำไม่เป็นค่ะ…. (หัวเราะ) แต่พอฉันได้ไปซ้อมฉากนีเดู และมาดูฉากจูบอีกรอบ ฉันก็รู้สึกว่า 'โหย ฉากนี้สวยมาก ๆ เลยอ่ะ' ค่ะ

Q: เคยคิดว่าอยากจะมาพากย์ภาพยนตร์ไหม
แทมิน: ถ้ามีโอกาส ผมก็อยากจะลองพากย์หนังบ่อย ๆ ครับ ผมอยากจะเป็นไอดอลที่สุดยอด ที่สามารถทำอะไรได้หลาย ๆ อย่างครับ นี่แหละคือความฝันของผมครับ
ซันนี่: สมาชิกคนอื่น ๆ หลายคนก็มีตารางงานที่จะถ่ายละครค่ะ พอฉันเห็นแล้วก็อยากจะลองมีประสบการณ์ในด้านนั้นบ้าง ฉันไม่เคยมีความคิดในแง่ลบเวลาจะลองอะไรเลยค่ะ ถึงแม้ว่าจะมีอุปสรรค์บ้าง แต่ฉันก็จะบอกกับตัวเองว่า "ยังไม่ทันได้ลองทำอะไรเลย จะกลัวไปทำไม” ฉันไม่รู้ว่ามันเหมือนกันหรือเปล่านะคะ แต่ฉันจะคิดว่า "ฉันยังไม่ได้แต่งงานกับคุณวอนบินเลยนะ" (หัวเราะ) ฉันจะคิดเสมอ ๆ ว่าอย่าไปดื่มซุปกิมจิ ก่อนที่จะมีใครให้เค้กข้าว ค่ะ เพราะฉะนั้น เวลาฉันจะพูดอะไร ฉันจะระวังเสมอ ๆ ตัวฉันเองก็อยากจะลองอะไรใหม่ ๆ เหมือนกันค่ะ แต่ฉันก็ไม่ค่อยได้มีโอกาสที่จะได้เรียนการแสดงมากเหมือนกับเพื่อน ๆ เพราะงั้นฉันจึงคิดว่าในตอนนี้ถ้าฉันมีโอกาสได้ทำอะไร ก็จะทำมันเลยค่ะ

*떡 줄 사람은 생각도 않는데 김칫국부터 마신다 = อย่ากินซุปกิมจิ ก่อนที่จะมีใครมอบเค้กข้าวให้ เป็นสำนวนเกาหลี หมายถึง อย่าไปคิดถึงอนาคตที่อยู่ไกล ก่อนที่จะได้ทำในสิ่งสิ่งนั้นอย่างจริงจัง อย่าทำอะไรเกินตัว


-------------
Source: cine21
แปลไทย: Translator Gang ll Soshifanclub ll http://www.soshifanclub.com