"10 ปี แห่งความทรงจำ"


ยุคที่แตกต่างออกมา 10 ปีที่ Girls' Generation ได้สั่นคลอนโลกทั้งใบ พวกเธอที่ได้เปลี่ยนมาตรฐาน, เขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่, รวมไปถึงอนาคต





ยุนอา


W KOREA: ซีรีย์ จะออกอากาศเร็วๆนี้ แม้ว่าซีรีย์จะอัดล่วงหน้าและถ่ายจบไปแล้ว คุณยังคงได้ไปพบปะกับเหล่านักแสดงที่ร่วมงานกัน
ยุนอา: การไปถ่ายซีรีย์ผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ เราบอกกันและกันว่ารู้สึกเหมือนไปมหาวิทยาลัยเลย ตอนเขียนบท คนเขียนได้ใส่บุคลิกของฉันลงไปใาตัวละครด้วย พอถึงเวลาถ่ายทำจริงๆ พวกเขาแค่ให้เราไปแสดงอย่างที่เราเป็นเรา ไม่ได้บังคับหรือเจาะจงอะไรมากไป คุณจะได้เห็นฉันได้ภาพลักษณ์ที่เป็นธรรมชาติเลยค่ะ

W KOREA: จากเมมเบอร์ในวงทั้งหมด คุณเป็นคนที่รับงานด้านการแสดงเยอะที่สุด ฉะนั้นน่าจะมีคนอคติจากการที่ไอดอลหันมารับงานแสดงบ้าง คุณเคยเจอเหตุการณ์เหล่านี้ไหม แล้วรับมืออย่างไร?
ยุนอา: ประมาณ 1-2 เดือนก่อนโซชิจะเดบิวตื ฉันได้เดบิวต์ในซีรีย์ก่อนค่ะ อย่างที่คาดไว้ ฉันยังคงขาดอะไรไปหลายอย่าง แต่หลายคนก็มองว่าฉันตั้งใจดีค่ะ ตอนกำลังถ่ายอยู่อัลบั้มของ Girls' Generation ก็ถูกปล่อยออกมา ทำให้ชื่อวง Girls' Generation ติดมาด้วย หลังจากนั้นเลยถูกมองต่างออกไป เพราะฉันได้แสดงบนเวทีเยอะกว่า พวกเขาเลยจดจำฉันผ่านภาพลักษณ์นั้น ตัวของฉันในด้านการแสดงเลยถูกมองแปลกๆไปบ้างค่ะ การแสดงเป็นอะไรที่ยากนะ ไม่ใช่เพราะฉันเป็นไอดอลนะคะเลยบอกว่ายาก แต่พักนี้มีนักแสดงเก่งๆหลายคนเลย ฉันคิดว่าฉันมีความกระหายที่อยากจะแสดงให้ได้ดีขึ้นมากกว่าการจะสลัดคำว่าไอดอลออกไป ยังมีนักแสดงหลายคนที่เดิมทีเป็นไอดอล สมัยนี้คนคงอคติกับเรื่องนี้น้อยลงแล้วค่ะ

W KOREA: ผู้กำดับคิมซึงฮุนที่กำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของคุณ บอกว่า 'นักแสดงที่ฉลาดจะมีพวกเซนส์ไหวพริบตั้งแต่เกิด เช่นเดียวกับการไหลของน้ำเลย' ในฐานะนักแสดงแล้ว คุณคิดว่าอะไรคือจุดแข็งของนักแสดง?
ยุนอา: ถ้าพูดถึงจุดแข็งของนักแสดงก็คงดูยิ่งใหญ่ไปค่ะ แต่ฉันชอบการที่อารมณ์ความรู้สึกดึงดูดนะ ตัวฉันเองจะได้รับผลกระทบอย่างมากจากสภาพอากาศค่ะ แล้วก็คิดเสมอด้วยว่าอารมณ์และบรรยากาศคือสิ่งสำคัญ แน่นอนว่าการที่นักแสดงมีความรู้สึกนั้นๆและถ่ายทอดออกมาคืออีกประเด็น บางครั้งมุมที่ฉันคิดว่าจะทำมันออกมาได้ดีแต่กลับไม่ได้ดีขนาดนั้นตอนฉายค่ะ ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอารมณ์หรือเปล่า แต่สิ่งนึงที่ฉันชอบเกี่ยวกับตัวฉันคือเสียงค่ะ หลายๆคนจะคิดว่าฉันมีเสียงที่สดใส แต่จะแปลกใจพอรู้ว่าเสียงของฉันค่อนข้างโทนกลาง-ต่ำ แต่ฉันชอบโทนนี้มากนะคะ อย่างนักแสดงท่านอื่น ฉันก็ชอบคนที่มีเสียงต่ำ ไม่นานมานี้ชอบแนวเสียงคุณคิมจีวอนค่ะ

W KOREA: รู้สึกอย่างไรบ้างที่จะได้ฉลองครบรอบ 10 ปีของโซนยอชิแด?
ยุนอา: มันรู้สึกเหมือนผ่านไปแค่ 7 ปีเองค่ะ จนฉันสงสัยว่าเมื่อไหร่กันนะที่เวลาเริ่มเดินเร็วแบบนี้ รุ่นพี่คนอื่นๆที่ฉลองครบ 10 ปีของพวกเขาตั้งแต่วันเดบิวต์ต่างก็ดูสุดยอดและประสบความสำเร็จทั้งนั้นเลยค่ะ แต่สำหรับฉันแล้ว ฉันรู้สึกว่าเวลาผ่านไปไวมาก และฉันเองก็รู้สึกภูมิใจเช่นกันค่ะ

W KOREA: 10 ปีที่ผ่านมานั้น เหล่าสมาชิกเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง?
ยุนอา: เมื่อเรามีประสบการณ์มากขึ้น ความสามารถของทุกคนได้เพิ่มขึ้นตามค่ะ สิ่งที่เราเคยทำตัวไม่ถูกหรือไม่คุ้นชินก็ผ่อนคลายขึ้น ฉันคิดว่าคนที่เปลี่ยนไปมากที่สุดคงเป็นน้องเล็กซอฮยอนของเราค่ะ เธอเคยเป็นคนเข้าถึงยากนะ แต่ตอนนี้เธอเข้าสังคมมากชึ้นค่ะ เข้าถึงได้ง่ายขึ้นด้วย เพราะเธอพยายามและตั้งใจ รวมไปถึงอิทธิพลจากสมาชิกในวง หากพูดถึงพี่ทิฟฟานี่ ความสามารถในการใช้ภาษาเกาหลีของเธอพัฒนาดีขึ้นมากเลยค่ะ เธอให้สัมภาษณ์ได้ดีและยังใช้คำที่เหมาะสมและควรด้วย

W KOREA: ถ้าได้เจอตัวเองสมัยเดบิวต์ จะบอกกับตัวเองว่า?
ยุนอา: สิ่งนึงที่อยากให้จำขึ้นใจตอนทำงานคืออยากให้ตั้งใจทำงานค่ะ จะได้ไม่ต้องมาเสียใจภายหลังตอนเห็นผลงาน เพราะมันจะทำให้เราเสียใจนะถ้ารู้สึกว่าไม่ได้ทำให้เต็มที่หรือเราทำได้ดีกว่านี้ เมื่อตอนอายุยังน้อย ถ้าเจออะไรที่ยากลำบากฉันมักจะบอกตัวเองว่ส "เอาน่า ไว้คราวหน้าค่อยตั้งใจละกัน" และหันไปทำสิ่งอื่นแทน ฉันอยากจะบอกให้ตัวเองใส่ใจกับทุกๆช่วงเวลาค่ะ

W KOREA: ตอนไหนคือช่วงเวลาที่ยากที่สุดตลอด 10 ปีที่ผ่านมา
ยุนอา: เหนือกว่ายากลำบากคือมันจะมีช่วงเวลาที่ภาระค่ะ ทุกครั้งที่เราทำอัลบั้มใหม่เราจะรู้สึกกังวลว่าเราจะทำได้ถึงจุดที่คาดไว้ไหม หรือถ้าพวกเขาไม่ชอบภาพลักษณ์ขอเราหละ ทุกสิ่งที่พูดถึงล้วนแต่ถูกคาดหวังทั้งสิ้น แต่สำหรับ Girls’ Generation เรามีสมาชิกหลายคน ต่อให้ตอนที่ฉันหมดแรง ฉันก็ได้รับกำลังใจและพลังมาจากเหล่าสมาชิกและออกไปสู้รบได้อีกต่อไป ก่อนที่ฉันจะถ่ายซีรีย์ ฉันได้พักไปถึง 2 ปี และฉันได้เปลี่ยนความคิดมากมายในช่วงนั้น ทั้งต่อ Girls’ Generation ต่อด้านการแสดง ฉันละภาระหรือความหนักใจต่างๆที่คนอื่นจะมองและผ่อนคลายมากขึ้น จะเรียกได้ว่าปล่อยวางมากขึ้นก็ได้นะ?

W KOREA: แล้วมีสิ่งไหนเปลี่ยนไปไหม?
ยุนอา: ฉันคิดว่าฉันควรให้เวลากับตัวเองค่ะ ฉันไม่รู้ถึงวิธีการใช้ช่วงเวลพักผ่อนค่ะ แต่ละสัปดาห์ผ่านไปฉันก็รู้สึกเมือนตัวเองได้พัก แต่การเข้าหาและรอคอยงานที่ฉันคิดว่าจะทำมันได้ดีหรือสิ่งที่เข้ากับฉัน มันทำให้ฉันเปลี่ยนไปค่ะ แทนที่จะกังวลกับงานที่ทำแล้วคนอื่นจะรู้จักหรือจำหน้าฉันได้ไวๆ ตอนที่กำลังเตรียมอัลบั้มนี้อยู่ จุดมุ่งหมายของพวกเราคือความรู้สึกของ Girls’ Generation ที่เป็น Girls’ Generation มากกว่าจะคาดหวังถึงผลลัพธ์หรืออะไรตอบแทนค่ะ

W KOREA: แล้วคุณได้เรียนรู้ถึงการพักผ่อนดีพอแล้วหรือยัง?
ยุนอา: ฉันคิดว่าการได้ไปเที่ยวเยอะๆคือสิ่งที่สำคัญนะคะ และมีเวลาที่จะขยายขอบเขตของตัวเองด้วย ฉันคิดว่าเราควรใช้เวลาช่วงนั้นดีๆ เพราะสามารถทำให้เรามีทัศนคติที่ต่างออกไปจากตอนที่เราทำงานค่ะ

W KOREA: สำหรับคุณแล้วชื่อวง Girls’ Generation หมายถึง?
ยุนอา: เป็นชื่อที่มีทั้งความภาคมิใจแลพลังค่ะ ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหน เราจะบอกว่า “สำหรับเราแล้ว คงมีแต่สาวๆโซชิ” และเราก็กลายมาเป็นพลังและกำลังใจให้กันและกันค่ะ จนถึงตอนนี้ต่อให้ไม่ใช่สมาชิกในวง แต่ความเป็ฯทีมได้ทำหน้าที่ของมัน ต่อให้ฉันไปทำงานที่ไหนเมื่อไหร่คนเดียวแล้ว ฉันสามารถทำมันได้ในนามของ Girls’ Generation ค่ะ


ซันนี่




W KOREA: รู้สึกอย่างไรบ้างที่จะได้ฉลองครบรอบ 10 ปีของโซนยอชิแด?
ซันนี่: ฉันเป็นคนที่มีนิสัยเบื่ออะไรได้ง่ายนะคะ เลยไม่ค่อยมีสิ่งไหนที่ฉันจะทำได้นานๆเลย ฉะนั้นสิ่งเดียวที่ฉันทำมาได้มากกว่า 10 ปี ก็คืองานนี่แหละ ในชีวิตของคนเรามันน่าจะมีช่วงนึงที่รู้สึกอ่อนไหวหรือว่างเปล่า พอเกิดความรู้สึกแบบนั้นแล้วคิดถึงการได้เป็น Girls' Generation มาตลอด 10 ปีนั้นถือว่าเป็นกำลังใจและการสนับสนุนเลยก็ว่สได้ค่ะ หากฉันอยู่อย่างคนเดียวมาตลอด 10 ปีมันคงเดียวดายน่าดูเลย แต่ฉันเปล่า ฉันมีคนที่สามารถมาแบ่งปันสิ่งต่างๆประสบการณ์ต่างๆด้วย ทั้งสมาชิกในวง, แฟนๆ, ครอบครัว, และทีมงานที่ได้ร่วมงานกันมาเป็นเวลานาน กาลเวลาช่วยพิสูจน์การดำรงอยู่ของฉัน แม้จะผ่านมา 10 ปีแล้ว แต่การที่เรายังสามารถมาแสดงอะไรใหม่ๆได้อีกแบบนี้ถือว่าโชคดีมากๆเลยค่ะ

W KOREA: ไม่นานมานี้ เรารู้สึกตกในมากๆในงานแฟนมีตวันเกิดของคุณ ที่คุณได้เลือกหาของและห่อของขวัญเองมองให้กับแฟนๆด้วย
ซันนี่: เมื่อตอนวันเกิด ฉันได้เชิญและเตรียมของขวัญไว้สำหรับแฟนๆ 515 คนค่ะ แต่หลังจากได้ให้ของขวัญกับแฟนๆแล้ว ฉันก็ยังรู้สึกนะคะว่ามันเล็กน้อยไปเลยถ้าเทียบกับสิ่งที่ฉันได้รับตลอดหลายปีมานี้ ฉันเลยรู้สึกเสียใจนิดหน่อยค่ะ ฉันเข้าใจอย่างสุดๆเลยค่ะเวลาที่แฟนๆเตรียมของในทุกๆครั้ง ฉันเข้าใจความรู้สึกพวกเขาเลย

W KOREA: 10 ปีที่ผ่านมานั้น เหล่าสมาชิกเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง?
ซันนี่: อย่างที่คาดไว้ค่ะ มีทั้งคนที่เปลี่ยนไปกว่าตอนแรกอยู แต่ตอนเราเดบิวต์ ตอนนั้นเรายังเด็กอยู่และนั่นก็เป็นครั้งแรก หากตอนนั้นเราเป็นเพียงเด็กสาว ตอนนี้เราก็เป็นหญิงสาวที่สามารถทำอะไรได้ด้วยตนเองค่ะ เรามีความมั่นคงมาจากประสบการณ์ของเรา แต่ละคนรู้ดีว่าตัวเองถนัดด้านไหน และเราก็จะตั้งใจทำในด้านนั้นๆ ทุกวันนี้เวลาสาวๆคนอื่นไปทำงานอะไรที่ไหน ฉันก็ไม่รู้สึกกังวลเลยสักนิดค่ะ

W KOREA: ช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดตอนโปรโมทอยู่?
ซันนี่: แม้ว่าในช่วงเวลาที่ลำบากทั้งกายและใจ มันก็ยังมีความรู้สึกว่าสนุกไปกับมันนะคะ พอเวลาผ่านไปรู้สึกว่าช่วงเวลาเหล่านั้นก็ช่วยเรานะ เหมือนกับตอนที่เราเริ่มโตเป็นวัยรุ่นค่ะ แต่ละคนก็ต้องพบเจอกับเรื่องที่ลำบากกัน และเราได้เผชิญหน้ากับมันฝ่าฟันมันไปด้วยกันเป็นทีมแบบนี้ และทุกๆครั้งสิ่งที่ช่วยเหลือเรามากที่สุดก็คือกันและกันค่ะ มันจะมีความรู้สึกความสัมพันธ์ต่อกันและผ่านสิ่งเหล่านั้นไปด้วยกัน

W KOREA: ตอนนี้มีไอดอลรุ่นใหม่และเด็กเทรนด์เยอะมาก อยากบอกอะไรกับพวกเขาไหม?
ซันนี่: ฉันคิดว่ามันคงจะดีนะคะ ถ้าพวกเขาได้ลองทำอะไรที่เหมาะกับอายุตอนนี้ แล้วก็ต้องอยู่ในขอบเขตที่เราจะรับผิดชอบได้ด้วย การทำแบบนั้นพวกเขาจะได้เรียนรู้ถึงสิ่งที่ชอบกันและสิ่งที่อยากทำ หากเราได้เผชิญหน้ากับสิ่งนั้นๆในชีวิตจริงแทนที่จะเป็นแค่ภาพแฟนตาซีที่วาดไว้ เราจะได้รู้ด้วยว่าต้องเจอกับอะไรเตรียมตัวอย่างไร แต่อย่าลืมว่าเราเองก็ต้องรับมือกับผลที่ตามมาด้วยนะ ไม่ว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ฉะนั้นอย่ามองว่ามันเป็นเรื่องง่ายๆ อีกคำแนะนำค่ะสมัยนี้อะไรๆก็ถูกอัดและถ่ายเก็บไว้หมดนะ *หัวเราะ*

W KOREA: มีอะไรที่คุณละทิ้งไปเพื่อการเป็น Girls’ Generation ไหม?
ซันนี่: แทนที่จะเป็นการละทิ้ง มันก็มีบางสิ่งที่ฉันยอมปล่อยวางลง เพราะด้วยอาชีพที่ฉันทำเป็นสิ่งที่ฉันได้รับความรักมากมาย ฉันได้เรียนรู้ว่าฉันไม่สามารถทำอะไรได้ตามใจหรือความต้องการของตัวเองได้ค่ะ หรือจะบอกว่า ในฐานะมืออาชีพ ฉันสามารถรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ดี? หากรู้สึกเสียใจภายหลัง หากฉันโตพอ ฉันจะรู้วิธีการปลอบตัวเองค่ะ แต่ฉันตอนนั้นไม่รู้เลยเลือกที่จะดันทุรัง คุณจะเห็นได้เลยหากมองย้อนกลับไป

W KOREA: สำหรับตัวคุณเองแล้วนั้น ได้ทำอะไรบ้างหรือรับหน้าที่อะไรที่ทำให้กลายมาเป็น Girls’ Generation อย่างทุกวันนี้ได้?
ซันนี่: เวลาที่คนเราพูดกันว่า “คนนั้นทำแบบนั้นนะ ...” ฉันก็สงสัยนะคะ ว่า ‘คนนั้น’ เนี่ยคือหน้าที่ฉันหรือเปล่า *หัวเราะ* เมื่อก่อนฉันเหนื่อยง่ายค่ะและขี้อาย ฉะนั้นสำหรับฉันแล้วการที่จะมาเป็นคบันเทิง โดยเฉพาะไอดอลเนี่ย เป็นอะไรที่ฉันจะต้องพยายามอย่างมากเลย ปกติแล้วฉันจะไม่สบายง่ายค่ะ ซีดเป็นไก่ต้มเลย และจะไม่ค่อยมีปฏิกริยาอะไรมาก เหล่าสมาชิกในวงรู้เรื่องนี้ดีค่ะ แต่สำหรับการเป็น Girls’ Generation แล้ว ฉันต้องพยายามอย่างมาก เช่นการแอ๊บแบ๊ว

W KOREA: แต่นิสัยของคุณก็ดูเป็นคนสดใส่ร่าเริงนี่ ไม่ใช่หรอ?
ซันนี่: สมัยเป็นนักเรียน ฉันเป็นพวกเงียบๆและขี้อายค่ะ แต่เม่ื่อผ่านประสบการณ์ต่างๆ เราจะพัฒนาขึ้น นิสัยและบุคลิกต่างๆที่แต่ละคนรู้จักนั้นได้ถูกสร้างขึ้นมาโดยพวกเราด้วยค่ะ และภาพลักษณ์เหล่านั้นถูกสะท้อนมาจากสิ่งที่คนส่วนใหญ่ต้องการจากเราค่ะ แน่นอนว่าด้านของฉันที่เคยเป็นแบบนั้นตอนเด็กๆคือด้านที่แท้จริงของฉัน แต่อีกด้านที่ต่างออกไปก็มาเกิดขึ้นมาจริงๆด้วยเช่นกัน เพื่อให้เป็นตัวของตัวฉันเองที่ทุกนคนรู้จัก ฉันคิดว่าฉันต้องพยายามทำงานอีกครั้งค่ะ

W KOREA: คุณถือว่าเป็นคนรักแมวคนนึงที่ถึงขนาดไปงานขายของคนรักแมว การเลี้ยงแมวได้เปลี่ยนแปลงคุณบ้างไหม?
ซันนี่: ฉันจำช่วงเวลาก่อนมีแมวไม่ค่อยได้ค่ะ แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปมากที่สุดคือฉันไม่ได้คิดถึงแต่ตัวเองแล้ว มันน่าตื่นตาตื่นใจดีนะคะที่มีสิ่งมีชีวิตบางอย่างที่จะมาทักทายทุกครั้งที่เรากลับมาถึงบ้าน และมีคนที่ฉันสามารถสื่อสารได้ด้วยในทุกวันทำให้ฉันกลายเป็นคนที่สดใสขึ้น นับว่าเป็นครั้งแรกเลยที่ฉันมีหน้าที่และสามารถดูแลความสัมพันธ์นี้ไว้ แถมยังรู้สึกเป็นคนที่สดใสขึ้นด้วยค่ะ จริงๆฉันก็ไม่รู้นะคะว่าเจ้าโซกึมจะคิดเหมือนกันไหมว่าเราสื่อสารกันด้วยใจนะ หรือต่อให้มันจะเป็นความสัมพันธ์จากฉันด้านเดียว แต่ความจริงจากมันคือฉันได้พบกับความรู้สึกที่หลากหลายและตื่นตาตื่นใจ ต้อวขอบคุณมันนะคะ ไม่ใช่เพียงแค่ความสุข แต่รวมไปถึงทั้งความรู้สึกเสียใจและกังวลด้วย

W KOREA: พักนี้คุณสนใจเรื่องอะไร?
ซันนี่: รายการทีวี, อนิเมชั่น, ภาพยนตร์, และเกมต่างๆ ทั้งเกมต่อสู้, พีซี, คอนโซล,​โรลล์เพลย์, มือถือ กับเกมแล้วฉันไม่ค่อยเรื่องมากค่ะ ฉันเล่นและลบเกมบ่อยอยู่ ตอนที่ไม่ได้โปรโมท ฉันจะมองว่าเตียงคือวิมานและใช้เวลาไปกับมันค่ะ ฉันพยายามจะถ่ายทอดพลังให้ได้มากที่สุดค่ะ

W KOREA: อีกไ่ม่นานก็จะถึงวันคัมแบ็คแล้ว ตอนนี้ใจของคุณอยู่ไหน?
ซันนี่: การที่พูดว่า “เราเตรียมการมาอย่างดี” หรือ “อย่าลืมติดตามดูนะคะ” คือคำพูดที่ทุกคนจะพูดทุกครั้ง ครั้งนี้ ฉันหวังว่าเราจะสื่อด้วยใจที่ต่างออกไปค่ะ มันมีทั้งเวลาที่เราทำกิจกรรมหลายอย่าง เวลาที่เราแยกตัวกัรไป แต่สำหรับ พวกเราสมาชิก วง Girls’ Genration แล้วนั้น วง Girls’ Generation นั้นสำคัญเป็นที่ 1 ค่ะ และสำหรับวงแฟนๆก็สำคัญที่สุดสำหรับเราค่ะ ตอนนี้คำว่า ‘แฟนคลับ’ อาจจะให้ความรู้สึกแปลกๆไปหน่อย เพราะมันรู้สึกเหมือนเป็นสหายหรือเพื่อนกันมากกว่า ฉันหวังว่าพวกเขาจะทราบนะคะ


ทิฟฟานี่




W Korea: การถ่ายแบบวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง?
ทิฟฟานี่: คนที่ตื่นเต้นและกระตือรือร้นที่สุดกับการถ่ายปก W Korea วันนี้คงเป็นฉันค่ะ ฉันอยากจะทำโปรเจกต์ที่เป็นการรำลึกถึงครบรอบ 10 ปี ของ Girls' Generation นอกจากนั้นยังเป็นอะไรที่เกี่ยวกับแฟชั่นด้วย ฉันได้ถ่ายแบบคนเดียวมาหลายต่อหลายครั้ง และพวกเราเองก็ไม่ได้ถ่ายแบบกันครบวง 8 คนมาพักใหญ่ ฉะนั้นการถ่ายแบบเก็บภาพไว้แบบนี้ทำให้ฉันมีความสุขมากๆเลยค่ะ เวลาเราอยู่ด้วยกันทั้งวงแล้ว ภาพจะออกมาสุดยอดมากๆเลย

W Korea: ตัวคุณเองไม่สามารถซ่อนความรักความชอบที่มีต่อสมาชิกในวงได้เลยนะ
ทิฟฟานี่: สมัยเปนเด็กเทรนด์ ช่วงเวลาตอนเทรนด์ของฉันค่อนข้างสั้นค่ะ สาวๆในวงบางคนเทรนด์กันมา 7 ปี แต่ฉันเทรนด์เพียง 3 ปี สาวๆในวงเลยถือว่าเป็นต้นแบบของฉันเลยค่ะ และเราก็จะยืนยันคำเดิมต่อไปอีกว่าเรานั้นสุดยอดที่สุดแล้ว

W Korea: ว่ากันว่า การรักษาระยะห่างของกันและกันไว้ถือว่าเป็นเคล็ดลับของความสัมพันธ์ที่ดี แต่เหมือนว่าวิธีของคุณจะต่างออกไป
ทิฟฟานี่: จุดเริ่มต้นมันต่างออกไปนะคะสำหรับของฉันแล้ว ฉันจากครอบครัวมาแลพย้ายมาที่นี่ตอนมัธยม 3 ฉันคิดว่าฉันน่ะ รักสาวๆ Girls' Generation ตั้งแต่ต้นเลยค่ะ *หัวเราะ* สำหรับช่วงเวลา 10 ปีนั้น ฉันมองว่าฉันเป็นคนที่โรแมนติกมากนะคะ ไม่ว่าตอนไหนที่ฉันมองไป ฉันคิดอะไรถึงพวกเขา และสาวๆเองก็รู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับฉันเลยไม่ต้องพยายามจะอธิบายอะไรเลยค่ะ พวกเธอเป็นเหมือนครอบครัว ฉะนั้นฉันจึงอยากจะทำงานให้ออกมาดี เพื่อที่จะไม่ทำให้พวกเธอต้องผิดหวังค่ะ

W Korea: สำหรับคุณแล้ว Girls' Generation คือ?
ทิฟฟานี่: โซนยอชิแดคือที่ที่ฉันสามารถเรียนรู้แต่สิ่งดีๆค่ะ มันถือว่าเป็นเกียรติและโชคชะตาที่อาจจะได้หรือไม่ได้พบสักครั้งในชีวิต ต่อให้ฉันเกิดอีกครั้ง ฉันก็ยังคงรักที่แห่งนี้ และอยากเป็นสมาชิกของ Girls' Generation ค่ะ ตอนที่เรากำลังเตรียมคัมแบ็คอยู่ ฉันย้อนกลับไปดูคลิปแรกตั้งแต่เราเดบิวต์ ช่วงเวลา 10 ปีเป็นอะไรที่สำคัญมากสำหรับมิตรภาพ, ความสัมพันธุ์, และการทำงานเป็นทีม พวกเธอคือเพื่อนร่วมงาน สิ่งที่สุดยอดกว่านั้นคือต่อให้เราไม่ได้โปรโมทหรือปล่อยเพลง พวกเราก็ไม่ได้หยุดำกนะคะ พวกเราต่างก็แยกไปทำงานด้านอื่นกัน ไม่ว่าจะการแสดงหรือวาไรตี้ พวกเรามีความสามารถมากมายเลย

W Korea: จากที่คุณพูดมา คุณเป็นคนที่โรแมนติกพอควรเลย คุณต้องให้ความสำคัญกังการครบรอบ 10 ปีที่เดบิวต์มานี้มากแน่ๆ
ทิฟฟานี่: เช่นเดียวกับที่เวลาคุณนึกถึงยุค 90s จะนึกถึง Britney Spears หรือภาพยนตร์ ค่ะ ถ้าหากนึกถึงปี 2007 ฉันอยากให้คุณนึกถึงพวกเราเช่นเดียวกันค่ะ และฉันหวังว่านิตยสาร W Korea ที่เราถ่ายวันนี้จะกลายมาเป็นส่วนนึงของภาพนั้น เมื่อเวลาผ่านไปยังมีคนพูดถึงคำว่า 'เด็กสาว' อยู่ แต่เราก็ไม่ได้ไปไหนนี่คะ *หัวเราะ* มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราสามารถทำร่วมกันได้ และเมื่อไหร่ที่เราอยากจะมารวมตัวกัน เราก็จะมารวมตัวกัน แยกย้ายกันไปและกลับมาพบกันอีก นั่นแหละค่ะ คือ Girls’ Generation

W Korea: สมาชิกในวงคนไหนที่มีนิสัยต่างกับคุณสุดๆ?
ทิฟฟานี่: แทยอนค่ะ เธอต่างจากฉันอย่างสุดขั้วเลย เธอไม่ค่อยชอบอะไรที่มันงุ้งงิ้งหรือการเกาะแกะค่ะ เธอเป็นคนที่คูลๆชิคๆ แต่เราทั้งคู่ได้จากบ้านและมาเป็รรูมเมทกัน เราอยู่ด้วยกันมากว่า 13 ปีแล้วค่ะ เราเลยมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างพิเศษ เพราะคนอย่างฉันได้อยู่เคียงข้างเธอ เธอเลยชอบใส่เสื้อผ้าสีชมพูไปด้วยค่ะ *หัวเราะะ*

W Korea: สำหรับช่วงเวลา 10 ปี ตอนไหนที่คุณรู้สึกโตขึ้นหรือเปลี่ยนไปมากสุด
ทิฟฟานี่: ปีก่อนฉันทำพลาดและทำให้ได้รู้อะไรหลายอย่างค่ะ มันทำให้ฉันรู้สึกว่าต้องไปอัพเดทในด้านที่ฉันไม่ได้อัพเดทมานานเลยตั้งแต่เรียนจบมัธยม เพราะแบบนั้นฉันเลยใช้เวลาและลงแรง ฉันคิดมาได้ว่าวิธีการเรียนรู้ให้เหมาะกับคนที่อายุเกือบจะ 30 ฉันต้องไปศึกษาวัฒนํรรมและประวัติศาสตร์ ฉันไปลม museum และดูการแสดงหลายชุด ทั้งนั่งรคไฟ KTX ไปพูซาน ฉันอยากจะรู้ถึงที่ที่ฉันยืนอยู่ รู้เกี่ยวกับโลกใบใหญ่นี้ให้มากขึ้น สัมผัสและรับรู้กับสิ่งอื่นนอกเหนือจากแถวชองดัมค่ะ

W Korea: ได้ชมคลิปที่นักศึกษามหาวิทยาลัยอีฮวาร้องเพลง 'Into the New World' หรือเปล่า?
ทิฟฟานี่: ในฐานะ Girls' Generation มันเป็นช่วงเวลาที่น่าภาคภูมิใจนะคะ ตอนนี้เป็นยุคสมัยสำหรับผู้หญิง และเป็นเวลาที่การส่งต่อข้อความของผู้หญิงจะเป็นการให้กำลังใจกันและกันที่สำคัญมากค่ะ ฉันรู้สึกว่าเพลงของพวกเราได้ทำหน้าที่นั้นเลย หัวใจของฉันยิ่งมีความสุข

W Korea: สิ่งที่ได้และเสียไปกับ Girls' Generation
ทิฟฟานี่: ถ้าพูดถึงด้านการทำงานแล้ว มันจะต้องมีทั้งได้และเสียอยู่แล้วค่ะ ฉะนั้นทำสิ่งที่เรารักดีกว่า ประสบการณ์นี้ถือว่าเป็นของขวัญต่อฉันนะคะ ไม่มีสิ่งใดยั่งยืนตลอดไป แต่ทุกช่วงเวลาที่ได้รับมา, ได้ใช้ชีวิต, และการอุทิศกายใจ นั่นคือวิธีที่เราจะสร้างชีวิตที่น่าจดจำค่ะ

W Korea: มีอะไรอยากพูดถึงไอดอลรุ่นน้องไหม?
ทิฟฟานี่: เวลาที่รุ่นน้องที่เพิ่งเดบิวต์มาหาเราที่ห้องพักรายการเพลงพร้อมกับอัลบั้มของพวกเขา ดวงตาที่ส่องประกายของพวกเขาทำให้ฉันนึกถึงวันก่อนๆค่ะ อัลบั้มนั้นคือทุกอย่างของพวกเขานะ ฉันรู้สึกยินดีกับพวกเขาอย่างจริงใจค่ะ ฉันตะโกน "สู้ๆนะ" ให้กับพวกเขา บอกกับพวกเขาว่านี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นนะ แต่สิ่งสำคัญเหนือการดูดีและความสวยความงาม พวกคุณต้องมีเรื่องราวต่างๆด้วยนะ ฉันคิดว่าคนที่ทำงานออกมาได้ดีคือคนที่มีเรื่องราวและประสบการณ์ต่างๆ อย่างเช่น เพลง 'Into the New World' ที่พูดถึงความเชื่อว่าถ้าเราเข้มแข็งและตั้งใจ เราจะเปลี่ยนโลกใบนี้ได้ หรือ อย่างตอนที่เราทำเพลง 'Twinkle' การที่เราถ่ายทอดความเป็นยุค 20s และโชว์เสน่ห์ของเรา ฉันอยากจะบอกพวกรุ่นน้องด้วยนะคะ ว่าอย่าลืมรักตัวเอง สไตล์การใช้ชีวิตของไอดอลทำให้การดูแลตัวเองเป็นเรื่องยาก ไม่ว่าจะกายและใจ ฉันเคยมีช่วงที่ชีวิตยุ่งเหยิงอยู่ค่ะ แต่ก้เรียนรู้ที่นะพักพร้อมๆกับออกกำลังกาย ฉันอยากให้พวกเขาฝึกซ้อมต่อไป, มองการไกล และลงทุนกับตัวเองนะ

W Korea: ไม่นานมานี่คุณไปงานเทศกาลเพลง Coachella ด้วย ได้ประสบการณ์อะไรมาบ้างไหม?
ทิฟฟานี่: ฉันได้ไปยืนรอเข้าคิวและอยุ่ท่ามกลางคนดูค่ะ ได้ชมการแสดงของ Kendrick Lamar ในฐานะแฟนเพลงของเขาค่ะ ใจเต้นแรงมากเลย มันทำให้ฉันได้เข้าใจความรู้สึกของแฟนๆตอนมาดูการแสดงของเราค่ะ มันทำให้ฉันอยากจะทำการแสดงที่ดียิ่งขึ้นไปอีก

W Korea: ได้คิดถึงอาชีพหรือสิ่งที่อยากทำหลังการโปรโมท Girls' Generation ไหม
ทิฟฟานี่: ฉันอยากทำงานด้านการแสดงที่บทเป็นภาษาอังกฤษค่ะ แล้วอาจจะเอาความชอบด้านแฟชั่นของตัวเองไปทำอะไรสักอย่างด้วย ตอนเจอ Victoria Beckham เธอบอกกับฉันว่า "พื้นเพเธอมาจากเกิร์ลกรุ้ป เก่งในหลายด้านอยู่แล้ว คนเราจะเป็นเกิร์ลกรุ้ปไม่ได้หากไม่มีความรับผิดชอบ" อย่างไรก็ตาม มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายค่ะ ที่จะได้พบกับสามีที่แสนวิเศษเช่นนั้น! (พูดถึง David Beckham สามี Victoria)

W Korea: เหลือเวลาอีกไม่กี่วันก็ถึงการคัมแบ็คของคุณแล้ว คิดยังไงกับเรื่องนี้บ้าง?
ทิฟฟานี่: วันครบรอบ 10 ปีของ Girls' Generation ไม่ใช่เป็นเพียงครบรอบ 10 ปีที่เราตื่นเต้นนะคะ แต่มันเป็นช่วงเวลาสำหรับเราหวนคืนถึงวันเก่าๆด้วยกัน และฉันหวังว่ามันจะเป็นโอกาสให้เรามาแบ่งปันความทรงจำกันนะ มองสะท้อนกลับไปยังตัวเราในตอนนั้น ด้วยเพลงของ Girls' Generation ในตอนนั้น เพราะว่าฉันเองก็รักในดนตรี และเป็นทุกสิ่งสำกรับคนที่รักการฟังเพลงค่ะ


ยูริ




W Korea: ในบทสัมภาษณ์ครั้งก่อน คุณบอกไว้ว่า "การมีชื่อของ Girls' Generation นั้น ทำให้ถูกคาดหวังไว้ เลยรู้สึกหนักใจบ้าง" ตอนนี้ยังคิดแบบนั้นอยู่ไหม? สำหรับคุณแล้วการมีชื่อ Girls' Generation คือ?
ยูริ: ด้วยความที่เป็น Girls' Generation ฉันรู้สึกว่าชื่อนี้จะต้องได้รับความรักและการคาดหวังเสมอค่ะ ฉันเลยทั้งต้องขอบคุณและรู้สึกระมัดระวัง เพราะฉันคิดว่าเราไม่ควรสร้างปัญหา ฉันรู้สึกสนุกและมีความสุขนะคะ แต่ขณะเดียวกันก็ทั้งหนักใจและกังวล ในทุกครั้งที่ฉันได้ลองทำอะไร ชื่อ Girls' Generation จะทำให้ฉันมีกำลังใจอยู่เสมอและเป็นภาระต้องแบกไว้อยู่เช่นเดียวกันค่ะ

W KOREA: รู้สึกอย่างไรบ้างที่จะได้ฉลองครบรอบ 10 ปีของโซนยอชิแด?
ยูริ: ชีวิตในแต่ละปี รวมกันจนกลายเป็น 10 ปี เพราะเป็นการคัมแบ็คในรอบ 2 ปีด้วย เราจึงเตรียมการกันอย่างขยันขันแข็งค่ะ คล้ายๆกับการฉลองวันเกิด มันไม่ได้มีอะไรพิเศษมากมาย ฉันรู้สึกขอบคุณทุกช่วงเวลา แต่ที่ไม่ได้ให้ยึดติดกับมันมากเพราะเราไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นจุดสิ้นสุดค่ะ

W Korea: หากเทียบกับตอนเดบิวต์แล้ว คุณเปลี่ยนไปบ้างไหม?
ยูริ: ส่วนตัวแล้ว ฉันไม่ได้เริ่มจากความฝันทะเยอทะยานกับ Girls' Generation นะคะ ฉันได้พบกับเพื่อนๆที่ชอบเต้นและรองเพลง มันเหมือนกับเราไปทัศนศึกษากัน แล้วฉันนั้นรู้สึกสนุกและชอบมันมากๆ ต่อให้จะมีช่วงเวลาที่ลำบาก แต่เพราะฉันชอบสิ่งที่ทำ ฉันเลยผ่านมันมาได้ค่ะ

W Korea: คุณมีวิธีไหนที่สามารถคงความสัมพันธุ์กับวงมาได้กว่า 10 ปี
ยูริ: มันยังคงเป็นเรื่องยากและต้องระมัดระวังค่ะ จากบางมุมมองแม้ว่าจะผ่านไป 10 ปีแล้ว สำหรับฉันเท่าที่ฉันรู้สึกหวงแหนสมาชิกและ วง Girls' Generation ฉันพยายามที่จะรักษาระยะห่างค่ะ ไลฟ์สไตล์ของบางคนเราอาจจะโดนยกไปเทียบแม้ว่าเราไม่อยาก นั่นคือการที่จะคงอยู่ไว้ถึงความสัมพันธุ์เป็นระยะเวลานานค่ะ ตอนนี้พวกเขาเป็นเหมือนครอบครัว เราผ่านจุดจะที่ทะเลาะกันและอยู่ในจุดที่มองกันในมุมน่ารักๆแทนค่ะ

W Korea: รู้สึกอย่างไรที่เห็นวงเกิร์ลกรุ้ปที่เคยโปรโมทพร้อมๆกันดิสแบนด์ไปทีละวง?
ยูริ: ฉันเข้าใจการเลือกและตัดสินใจของพวกเขานะคะ เราเองก็ควรเคารพด้วย สิ่งนึงที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงในโลกนี้ คือความจริงที่ว่าทุกสิ่งนั้นแปรเปลี่ยนค่ะ ฉันรู้สึกขอบคุณนะคะที่พวกเขาได้ทำงานกันอย่างดี และทิ้งผลงานเพลงดีๆไว้

W Korea: จากผลงานของคุณ ชอบเพลงหรือการแสดงไหนมากที่สุด?
ยูริ: ฉันรู้สึกมีชีวิตชีวาและมีความสุขที่สุดตอนที่ได้ทำอะไรแล้วรู้สึกประสบความสำเร็จหรือเอาชนะมันได้ค่ะ ไม่นับกระแสจากคนทั่วไปนะคะ เวทีที่ทำให้ฉันรู้สึกแบบนั้นได้จะทำให้ตื่นเต้นที่สุดสำหรับฉัน เช่นเพลง ‘Catch Me If You Can’ ถือเป็นการท้าทายและมีท่าเต้นยากมากๆ ไม่ใช่เรื่องง่ายต่อร่างกายเลยโดยเฉพาะใจของฉันค่ะ ส่วนตัวฉันชอบ 'Kissing You' นะ และรู้สึกเหมือนเป็นเพลงที่จะไม่สามารถทำได้อีก มันทำให้ฉันนึกถึงตอนที่เราโปรโมทเพลงนี้และความรู้สึกตอนนั้น พลังที่เข้ามาในหัวตอนนั้น สำหรัลฉันแล้ว เพลงนี้เป็นเพลงที่บริสุทธิ์และน่าจดจำมากค่ะ

W Korea: เพลงเดบิวต์ของคุณ ‘Into the New World’ ได้ถูกนำไปร้องในการเดินขบวนท่ามกลางสายตาประชาชนเมื่อปีก่อนและกลายมาเป็นเพลงที่ถูกหยิบนำมาร้องเมื่อเดินขบวนสำหรับคนรุ่นใหม่ คุณได้ดูคลิปที่นักศึกษามหาวิทยาลัยอีฮวาร้องพร้อทจุดเทียนหรือยัง?
ยูริ: ฉันได้ชมคลิป 2-3 ครั้งแล้วค่ะ ฉันถึงกับร้องไห้เพราะความรู้สึกที่ตีขึ้นมา เป็นช่วงเวลาที่ฉันรับรู้ถึงความภาคภูมิใจในการเป็นนักร้อง นั่ยคือข้อความที่ฉันอยากส่งผ่านผลงานของฉันค่ะ และนั่นยังเป็นแรงบันดาลใจให้ฉันอยากทำเพลงและการแสดงต่อไป ตอนนั้นที่ฉันเดบิวต์ ฉันยังไม่ค่อยเข้าใจเนื้อเพลง แต่เมื่อเวลาผ่านไปและกลับไปฟังเพลงนั้น เนื้อเพลงยิ่งซึ้งกินใจค่ะ

W Korea: ซีรีย์ เพิ่งปิดกล้องลง
ยูริ: ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากอยู่นะคะสำหรับการตัดสินใจ เพราะว่าเนื้อหาค่อนข้างหนักและบุคลิกตัวละครค่อนข้างห่างไกลจากชีวิตของฉัน แต่มันก็ไม่ได้มีเวลามากนักหรอกค่ะในการตัดสินใจ มันเป็นอะไรที่ไม่ค่อยคุ้นเคยสำหรับฉันค่ะ ทุกช่วงเวลาถือว่าเป็นการท้าทายอย่างมาก ฉันร้องไห้พอสมควรเลยค่ะ

W Korea: นิสัยของคุณคือสามารถรับมือกับการท้าทายหนักๆได้?
ยูริ: ปกติแล้ว นิสัยของฉันเป็นพวกไม่ค่อยระมัดระวังค่ะ ฉันไม่ค่อยมานั่งคิดหน้าคิดหลังหรือใช้เหตุผลอะไรมาก แต่พอตอนนี้ฉันรู้แล้วมีอะไรหลายที่ต้องรับผิดชอบเลยระมัดระวังมากขึ้น ฉันคิดในทันทีเลยค่ะว่ามันเป็นอะไรที่ง่ายและสิ่งที่ฉันทำคือสิ่งที่ถูก แต่หลังจากผ่านไปเป็นชั่วโมงก็กลับเลือกด้านที่ยากเสียนี่

W Korea: มีอะไรอยากพูดถึงไอดอลรุ่นน้องไหม?
ยูริ: มีหลายครั้งที่เราจะคิดนะว่า ‘ยอมแพ้ดีไหมนะ?’ แม้แต่ตอนนี้ก็อาจจะมีใครสักคนคิดแบบนั้นอยู่ค่ะ และฉันได้พบกับการแข่งขันแบบนับไม่ถ้วนเลย เมื่อไหร่ก็ตามที่มันเกิดเหตุการณ์แบบนั้น ฉันก็จะตั้งใจเพื่อให้ใจนิ่งขึ้นและเป็นคนที่เข้มแข็งจนเป็นฉันอย่างทุกวันนี้ค่ะ ถ้าพวกเขาไม่ยอมแพ้มันจะดีมากๆเลยนะ

W KOREA: ช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดตอนสำหรับ 10 ปีที่ผ่านมา
ยูริ: ในทุกวันมันทั้งสนุกและยากลำบากค่ะ

W Korea: มีบทไหนที่คุณอยากลองรับแสดงในอนาคตไหม? ถ้าหากให้เราคิดถึงพลังและแรงของคุณที่เต้นบนเวทีแล้ว ภาพยนตร์แนวแอคชั่นต่อสู้คงเพราะกับคุณ
ยูริ: จริงๆแล้วฉันกำลังเรียนคลาสบทแอคชั่นอยู่นะคะ ฉันไม่ได้วางแผนถึงเรื่องซีรีย์หรือภาพยนตร์ไว้นะคะ แต่ฉันก็อยากลองดู ฉันกำลังเรียนฟันดาบอยู่ ถ้าหากมีเรื่องไหนที่ออกแนว แล้ว ฉันก็อยากลองดูนะคะ อืม แล้วถ้าให้แคสบท 2 คน ที่เหลือหรอ หนึ่งในนั้นอยากให้เป็นพี่ฮาจีวอนค่ะ


ซูยอง




W Korea: : เมื่อปีที่แล้ว คุณให้สัมภาษณ์ว่ารู้สึกกังวลที่อายุย่างเข้ายี่สิบตอนปลาย ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?
ซูยอง: ฉันยังรู้สึกกังวลจนกระทั่งต้นปีที่ผ่านมาค่ะ ตอนนั้นฉันมีเวลาพอสมควรก่อนที่ฉันกับสมาชิกในวงจะเริ่มทำอัลบั้มใหม่กันอย่างจริงจัง ฉันได้รับคำเชิญให้ไปเล่นละครเรื่องหนึ่ง ซึ่งจะออกอากาศในเดือนกันยายนนี้ ตอนนั้นฉันตัดสินใจรับไปโดยที่ยังไม่ได้อ่านแม้แต่บทด้วยซ้ำค่ะ ฉันคิดว่าฉันพักผ่อนมามากพอแล้วเลยอยากจะกลับไปโฟกัสเรื่องงานอีกน่ะค่ะ แล้วฉันก็ได้ถ่ายละครเว็บเรื่อง 'A Person You Could Know' ไปด้วยค่ะ ตอนที่ถ่าย ฉันได้คิดอะไรหลาย ๆ อย่าง เช่น ถ้าฉันได้ทำในสิ่งที่ฉันอยากทำจริง ๆ ฉันก็จะมีความสุขไปกับมันได้ โดยที่ไม่ต้องสนเรื่องเรตติ้ง หรือเรื่องอื่น ๆ เลยค่ะ การทำงานมันจะสนุกค่ะ ถ้าคุณได้เพื่อนร่วมงานที่ดี

W Korea: : คุณรู้สึกอย่างไรเวลาได้ยินคำว่า 'ครบรอบปีที่ 10 ของ Girls' Generation'?
ซูยอง[/b]: อย่างแรกเลย ฉันคิดว่า 'นี่ผ่านมา 10 ปีแล้วหรอเนี่ย' มันอาจจะมีอุปสรรคบ้าง เพราะมันอาจจะทำให้เรารู้สึกว่าเราแก่แล้ว แต่ Girls' Generation คือชีวิตของฉัน ฉันก็เลยไม่คิดว่าช่วงเวลาที่ผ่านมามันยาวนาน ก่อนหน้านี้ไม่นาน สมาชิกในวงได้ดูคลิปการแสดงเก่า ๆ ของเราเมื่อก่อน การที่เราพยายามทำให้ตัวเองดูน่ารักนี่เป็นอะไรที่ดูสิ้นหวังจริง ๆ ค่ะ (หัวเราะ) กลุ่มสาวน้อยที่พยายามจะให้ตัวเองดูน่ารัก เห็นแล้วมันชวนหัวเราะจริง ๆ ค่ะ แต่พวกเราก็ยังดูน่ารักนะคะ ฉันอยากจะลูบหัวพวกเธอแต่ละคนจริง ๆ

W Korea: : ในช่วงที่ทำอัลบั้ม คุณกังวลในเรื่องไหนมากที่สุด?
ซูยอง: เนื่องจากเป็นโอกาสที่พวกเราเดบิวท์ครบ 10 ปี ทุก ๆ คนก็จะตั้งตารอและคาดหวังว่าพวกเราจะแสดงอะไรบ้าง แต่เราก็พยายามที่จะไม่ใส่ใจกับความคาดหวังพวกนั้นเท่าไรค่ะ ก่อนที่จะเลือกเพลง ฉันเองก็กังวลมาก ๆ แต่พอได้ฟังเพลงแล้ว ฉันก็รู้สึกว่า 'นี่แหละ Girls' Generation' ฉันคิดว่ามันคือสิ่งที่ทุกคนอยากจะเห็นในโอกาสครบรอบ 10 ปี ของพวกเราค่ะ

W Korea: : ในช่วงที่วงประสบปัญหา คุณทำหน้าที่หรือมีบทบาทอะไรบ้างหรือไม่? เวลาที่พวกคุณจัดการกับอุปสรรคพวกนั้นได้ คุณคิดว่ามันเป็นเพราะอะไร?
ซูยอง: บางครั้งฉันก็อยู่เงียบ ๆ ไม่พูดอะไร แต่บางครั้งฉันก็ทำอะไรบ้างเพื่อแก้ปัญหา เพราะไม่ว่าจะเป็นปัญหาอะไร พวกเราทุกคนก็ต้องเผชิญเหมือน ๆ กัน ดังนั้น เวลามีปัญหา พวกเรามักจะคิดว่า 'ฉันก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน' แทนที่จะโทษกันว่า 'ทำไมเธอถึงเป็นแบบนี้' และถึงแม้เราจะไม่ได้คุยกัน แต่เราก็เข้าใจกันได้ค่ะ แค่มีใครพูดแค่ว่า 'อ่า!' ขึ้นมา พวกเราก็รู้ทันทีค่ะว่าคนคนนั้นเป็นอะไร สิ่งที่สำคัญที่สุดในการอยู่ร่วมกันคือการเสียสละและความอดทน ถูกไหมคะ? ฉะนั้น เมื่อถึงเวลาที่ฉันต้องเสียสละทำสิ่งใดก็ตาม ก็จะมีสมาชิกคนอื่น ๆ มาคอยเสียสละอยู่เบื้องหลังฉันเสมอค่ะ

W Korea: : นับตั้งแต่เดบิทว์จนถึงตอนนี้ คุณคิดว่าคุณเติบโตมากขึ้นในเรื่องอะไร?
ซูยอง: อย่างที่ฉันบอกไปค่ะ ฉันได้เรียนรู้ที่จะอดทน อย่างเช่น ในกลุ่มพวกเรา จะมีสมาชิกบางคนตื่นขึ้นมาเตรียมตัวตั้งแต่ 6 โมงเช้า แล้วคนคนนั้นก็จะรอคนอื่น ๆ ทำธุระส่วนตัวให้เสร็จ เวลาที่ทุกคนทำงานเสร็จตอนเช้าตรู่ สมาชิกบางคนจะกลับบ้านได้ก็ต่อเมื่อรถไปส่งสมาชิกคนอื่น ๆ แล้ว บางคนอาจจะมองว่ามันเป็นเรื่องปกติสำหรับคนที่ทำงานเป็นกลุ่ม แต่สำหรับพวกเราที่อยู่ด้วยกันมาเป็นสิบปี มันมีหลายเรื่องค่ะที่ฉันคิดว่าไม่สมเหตุสมผล แล้วฉันก็ได้เรียนรู้ที่จะอดทนเวลาต้องทำงานร่วมกับผู้อื่นเพื่อแก้ปัญหาด้วยเช่นกันค่ะ

W Korea: : คุณได้และเสียอะไรจากการเป็น Girls' Generation?
ซูยอง: สิ่งที่ฉันได้ก็คือประสบการณ์และความทรงจำมากมาย แต่ถ้าเป็นสิ่งที่ฉันเสียไป ฉันคิดว่าน่าจะเป็นเวลาค่ะ มันอาจจะฟังดูขัดแย้งกัน แต่ประสบการณ์มากมายที่ได้มานั้น มันก็ต้องแลกมาด้วยเวลาที่ฉันต้องสูญเสียไปเช่นเดียวกัน แต่สิ่งที่ฉันได้มันมีมากกว่าสิ่งที่ฉันเสีย ฉันก็เลยไม่รู้สึกเสียดายค่ะ

W Korea: : คุณคงได้ใช้ประโยชน์จากประสบการณ์และความทรงจำเหล่านั้นไม่น้อย เมื่อถึงเวลาที่คุณต้องวางแผนเกี่ยวกับงานของคุณในอนาคต
ซูยอง: มันต้องใช้จริง ๆ ค่ะ ในฐานะ Girls' Generation เราต้องเก่งทุกอย่าง เราต้องร้องและเต้นให้ได้ เราต้องรู้วิธีการทักทายผู้อื่น รวมทั้งมารยาทในการพูด ต้องเรียนรู้การแสดง การพากย์ การแต่งหน้า การดูแลตัวเอง หรือแม้กระทั่งการแสดงสีหน้าท่าทางเพื่อให้ตัวเองน่าดึงดูดภายใน 3 วินาที ในโฆษณาที่ยาวเพียงแค่ 15 วินาที ตอนที่ฉันเห็น ฉันยังสงสัยเลยว่าทำไมสมาชิกของเราถึงได้เก่งไปเสียทุกเรื่อง ในกองถ่ายละคร สตาฟฟ์จะพูดคุยกันเรื่องนี้ พวกเขาอยากรู้ว่าซูยองกินอะไร เวลาที่คุณทำงานทั้งคืน คุณอาจจะแสดงความเหนื่อยออกมาบ้าง แต่พวกเขาก็ได้แปลกใจกัน เพราะฉันไม่ได้แสดงท่าทางแบบนั้นออกมาเลย เพราะฉันถือว่า "ฉันคือ Girls' Generation" ค่ะ

W Korea: : คุณตั้งกฎและมาตรฐานให้กับตัวเอง เพื่อจัดการกับเรื่องงานและความรักหรือไม่?
ซูยอง: ฉันจะพยายามไม่แสดงความรู้สึกส่วนตัว หรือโพสต์ภาพที่มีความเป็นส่วนตัวลงโลกออนไลน์ ฉันพยายามระวังไม่ให้ข่าวเดทกลายเป็นที่สนใจในช่วงที่เรากำลังโปรโมตอัลบั้มกันค่ะ

W Korea: : หากคุณได้เป็นอาจารย์ในโรงเรียนฝึกสอนเกิร์ลกรุ๊ป คุณอยากจะสอนวิชาไหนมากที่สุด?
ซูยอง: ฉันอยากจะสอนการพูดอย่างไรเพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าใจผิดค่ะ เพราะฉันรู้ว่า คนส่วนใหญ่จะชอบกำหนดว่าศิลปินควรเป็นแบบไหน ถ้ามีศิลปินคนไหนไม่ทำตาม พวกเขาก็จะไม่ชอบศิลปินคนนั้นไปเลย คนแต่ละคนจะมีความคิดและน้ำเสียงในการพูดที่แตกต่างกันออกไป การโต้ตอบของพวกเขาก็จะเปลี่ยนไปตามอารมณ์ความรู้สึกในตอนนั้น โดยเฉพาะการเป็นเกิร์ลกรุ๊ป ใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส กับความสุภาพอ่อนโยนเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ฉันเองก็ได้บทเรียนจากการที่พูดหรือทำอะไรที่ทำให้คนเข้าใจผิดมาแล้วค่ะ

W Korea: : ถ้ามีการสร้างภาพยนตร์เรื่อง 'Songstresses' เหมือนกับเรื่อง 'Actresses' บ้าง คุณอยากจะให้มันมีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร?
ซูยอง: แทนที่จะชื่อว่า 'Songstresses' ฉันอยากให้มีภาพยนตร์ที่ชื่อว่า 'Extreme Occupations' สักเรื่อง แล้วให้พี่ผู้จัดการของเรามาแสดงสักค่ะ... (หัวเราะ) ฉันคิดว่าคงจะสนุกมาก ๆ เลยล่ะค่ะ ถ้าได้มีโอกาสถ่ายทอดความรู้สึกและการดำเนินชีวิตประจำวันของคนที่ทำงานอยู่เบื้องหลังวงเกิร์ลกรุ๊ปเหมือนในภาพยนตร์เรื่อง 'Radio Star' บ้าง

W Korea: : เมื่อปีที่แล้วเรามีโอกาสได้สัมภาษณ์คุณ ตอนนั้นคุณบอกว่า 'ความกระหายไม่ใช่เรื่องผิด เพราะทุกคนต่างก็มีสิ่งที่ตัวเองต้องการอยู่แล้ว' ทุกวันนี้มีสิ่งไหนบ้างที่คุณอยากได้?
ซูยอง: ฉันอยากมีงานที่ดีค่ะ เมื่อก่อน ฉันเคยคิดว่า 'สักวันฉันต้องทำได้' แต่ตอนนี้ฉันกลับคิดว่า 'ฉันต้องทำอะไรบ้างเพื่อให้ทำสิ่งสิ่งนั้นได้' พอได้เห็น BTS เพื่อนร่วมวงการที่มีโอกาสไปงานประกาศรางวัลของอเมริกาแล้วก็ทำให้พวกเรากระตือรือร้นว่าควรจะทำเพลงและการแสดงแบบไหนเพื่อให้ได้ยินคำว่า 'สมกับเป็น Girls' Generation'

W Korea: : คุณเคยบอกว่าคุณเคยฝึกแค่การใช้ลมหายใจ แต่คุณพูดไม่ใช่หรือว่าคุณเริ่มว่ายน้ำช่วงปลายปีที่แล้ว? ทำไมเราถึงรู้สึกว่าคุณทำอะไรไม่นานแล้วก็เลิก?
ซูยอง: รู้ได้อย่างไรคะเนี่ย! บางครั้งฉันก็ไปว่ายน้ำจริง ๆ ค่ะ ตอนนี้ฉันลองออกกำลังกายใหม่ ๆ อยู่ ช่วงนี้ฉันชอบตีกอล์ฟค่ะ มันเป็นกีฬาที่สามารถเล่นได้เมื่อมีอายุมากขึ้น ฉันก็เลยคิดว่ามันเป็นการลงทุนไปในตัวด้วย และฉันก็ชอบมากค่ะ


ฮโยยอน




W Korea: : เมื่อไม่นานมานี้ คุณได้เปิดตัวเพลงโซโล่ที่ชื่อว่า 'Wannabe' ไป มันไม่ง่ายเลยที่จะจับให้ความน่ารักและความเท่มาอยู่ด้วยกัน แต่เรากลับเห็นทั้งสองสิ่งนั้นในตัวคุณ
ฮโยยอน: เพลงโซโล่ของฉันเพลงแรกก็คือเพลง 'Mystery' ตอนนั้นฉันอยากให้ตัวเองดูน่ารัก แต่พอมองย้อนกลับไป ฉันกลับรู้สึกว่าสีสันของฉันมันขาดหายไป ในครั้งนี้ ฉันก็เลยอยากทำให้การแสดงเจ๋ง ๆ กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ช่วงนี้ฉันชอบดูวิดีโอของ Janet Jackson และ Madonna ค่ะ การที่ได้ดูการแสดงของ Janet Jackson มันทำให้ความชื่นชอบในการเต้นในตัวฉันกลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่งค่ะ

W Korea: : คุณคิดว่าฮโยยอนน่าจะอยากได้ยินคำชมแบบไหนมากที่สุด?
ฮโยยอน: ฉันคิดว่าตัวเองชอบคำชมอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น คำชมแบบไหนฉันก็ชอบค่ะ (หัวเราะ) บอกตามตรงนะคะ เมื่อก่อนฉันชอบให้คนมาชมว่าฉันสวย หรือ ฉันสวยขึ้น แต่ตอนนี้ ฉันชอบให้คนชมว่าฉันมีเสน่ห์มากกว่า เพราะมันหมายถึงการที่ฉันมีสีสันเป็นของตัวเอง

W Korea: : ช่วงเวลาที่ผ่านมาที่คุณอยากให้ตัวเองดูสวย คุณได้ลองทำอะไรบ้าง?
ฮโยยอน: ฉันจะชอบสังเกตตัวเองแบบจริงจังเลยค่ะ แล้วก็สังเกตสมาชิกคนอื่น ๆ แล้วก็พยายามเอาสิ่งที่ฉันคิดว่าเหมาะมาปรับใช้กับตัวเองค่ะ

W Korea: : โดยปกติแล้วเวลาสังเกตอะไร คนเรามักจะมองแต่ตัวเอง แต่นี่คุณมองสมาชิกคนอื่นแทนที่จะเป็นตัวเอง ฟังดูแล้วเป็นอะไรที่ค่อนข้างแปลก ๆ อยู่เหมือนกันนะคะ (หัวเราะ)
ฮโยยอน: ในตอนนั้น ฉันยังแยกไม่ออกระหว่างตัวเองที่อยู่หน้ากระจกในห้องซ้อม กับตัวเองที่อยู่ในทีวีค่ะ ฉันรู้สึกว่าทุกครั้งที่ฉันเห็นตัวเองในจอทีวี ฉันไม่เคยแสดงความเป็นตัวเองออกมาอย่างถูกต้องเลย มันเป็นเพราะว่าฉันพยายามไม่พอ หรือว่าฉันแสดงมันออกมาไม่เป็น? ตอนนั้นมันมีความคิดต่าง ๆ มากมายผุดขึ้นมาในหัวค่ะ การที่ทุกคนทำงานหนัก ๆ มันไม่ได้หมายความว่าคุณสวย เหตุผลที่ทำให้ฉันหันมาสังเกตสมาชิกในวงก็เพราะว่าฉันรู้ว่ามันมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้มีคนชมสมาชิกคนนั้นคนนี้ว่าสวย เมื่อสังคมพูดเริ่มเหมือน ๆ กัน ฉันก็คิดว่าพวกเขาน่าจะพูดถูกค่ะ

W Korea: : ได้ยินคุณเล่าแบบนี้แล้ว ความคิดของคุณก็คงจะเปลี่ยนไปเป็นอีกแบบหนึ่งเลย ในเมื่อคุณเป็นคนที่เปิดเผยขนาดนี้ ตอนนั้น คุณก็คงไม่เคยเก็บซ่อนความรู้สึกของคุรที่มีต่อสมาชิกคนอื่นเลยใช่ไหม?
ฮโยยอน: ตอนเพลง 'Tell Me Your Wish' ฉันคิดว่าผิวสีแทนของยูริภายใต้กางเกงขาสั้นและสไตล์ของเธอในตอนนั้นดูสวยมาก ๆ ฉันก็เลยบอกไปแบบนั้น ปรากฎว่ายูริอายมาก ๆ ค่ะที่ได้ยิน

W Korea: เวลาโปรโมทในเกาหลี Girls' Generation จะมีภาพลักษณ์ของการเป็นเด็กสาวที่น่ารัก แต่ในญี่ปุ่น Girls' Generation จะมีภาพลักษณ์ที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ด้วยการที่กลยุทธ์การโปรโมทในสองประเทศแตกต่างกันขนาดนี้ คุณได้เปลี่ยนมุมมองใด ๆ เกี่ยวกับวงหรือตัวคุณหรือไม่?
ฮโยยอน: ช่วงที่เราโปรโมทในญี่ปุ่น เพลงของเราจะแสดงความเข้มแข็งที่มากขึ้น ซึ่งจะให้ความรู้สึกที่แตกต่างกับเพลงที่เราใช้โปรโมทในเกาหลี แต่ตอนที่ฉันได้ฟังเพลงที่เราใช้โปรโมทในญี่ปุ่นครั้งแรก ฉันก็รู้ได้ทันทีว่าฉันควรจะแสดงมันออกมาอย่างไร จริง ๆ เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับมุมมองค่ะ แต่เป็นสิ่งใหม่ ๆ ที่น่าตื่นเต้นค่ะ

W Korea: : เวลาผู้หญิงอยู่ด้วยกัน ผู้คนก็มักจะคิดว่าจะต้องมีการอิจฉาริษยากันอย่างแน่นอน คุณอยากจะบอกอะไรกับคนเหล่านั้นหรือไม่?
ฮโยยอน: ฉันคิดว่าการมองดูใครสักคนที่สวยกว่า หรือมีอะไร ๆ ที่ดีกว่าคุณมันเกิดขึ้นได้กับมนุษย์ทุกคนค่ะ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันก็อาจจะกลายมาเป็นพลังให้กับเราได้ คุณไม่ควรเสียความมั่นใจในตัวเองเมื่อเปรียบเทียบกับคนอื่น แต่ใช้สิ่งเหล่านั้นมาเพื่อพัฒนาตัวเองให้มากขึ้น แล้วสิ่งดี ๆ ก็จะเกิดขึ้นกับคุณค่ะ

W Korea: : ถ้ามีการสร้างภาพยนตร์เรื่อง 'Songstresses' เหมือนกับเรื่อง 'Actresses' บ้าง คุณอยากจะให้เนื้อเรื่องออกมาเป็นแบบไหน?
ฮโยยอน: ฉันอยากรู้ว่าจะเป็นอย่างไรถ้ามีการสร้างภาพยนตร์ที่สะท้อนมุมมองของสตาฟฟ์ที่ทำงานกับนักร้องผู้หญิงหลาย ๆ คนค่ะ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเมคอัพอาร์ติสแต่งหน้าให้ใครสวยขึ้นมา เวลาสมาชิกคนอื่น ๆ เห็นก็จะถามว่า 'เธอใช้ลิปสติกอะไร?' บางครั้งสตาฟฟ์ก็จะแสดงความคิดเห็นในแบบที่เหมาะสมกับสมาชิกแต่ละคน ฉันคิดว่ามันเป็นอะไรที่ค่อนข้างสนุกเหมือนกันค่ะ

W Korea: : ในช่วงที่ทำอัลบั้มนี้ คุณคิดอะไรมากที่สุด?
ฮโยยอน: 'พวกเราน่าประทับใจจังเลย' เวลาผ่านไปเร็วมาก ๆ ค่ะ สมาชิกส่วนใหญ่ใช้เวลาไปกับการเป็นเด็กเทรนด์นานมาก พวกเราก็เลยอยู่ด้วยกันมา 17 ปีแล้ว แน่นอนค่ะว่าความสัมพันธ์ของพวกเราเริ่มต้นมาจากธุรกิจ แต่พวกเราก็เป็นเพื่อนที่ก้าวมาสู่จุด ๆ นี้ด้วยหัวใจที่เป็นหนึ่งเดียวกัน และฉันก็มีความสุขในความจริงข้อนี้มาก ๆ ค่ะ

W Korea: : คุณมีแผนที่จะทำงานเดี่ยวในอนาคตหรือไม่?
ฮโยยอน: ฉันอยากจะแสดงเสียงของตัวเอง อยากทำการแสดงในแบบที่ดูเท่มากขึ้นค่ะ เพราะฉันมีอะไรอีกหลายอย่างที่อยากจะแสดง ฉันฝันอยากจะเป็นนักร้องนักเต้นสาวสุดเท่ ที่มีเสน่ห์มากกว่าความเซ็กซี่ค่ะ ฉันคิดว่าควรจะนึกถึงเวทีระดับโลก มากกว่าเวทีในเกาหลีอย่างเดียว และเวลาที่ฉันดูชุดบางชุด ฉันก็มักจะคิดหรือจินตนาการว่าฉันจะดัดแปลงมันออกมาอย่างไรให้ดูแตกต่างขึ้นมาอีกนิด วันหนึ่งฉันก็อยากจะลองออกแบบงานสร้างสรรค์บ้างค่ะ

W Korea: : คุณมีความสนใจในแฟชั่นหรือไม่?
ฮโยยอน: ฉันมีสไตล์ที่ฉันชอบค่ะ ฉันชอบลองนั่นลองนี่ ฉันรู้ค่ะว่าคนคิดว่าแฟชั่นที่ฉันใส่ไปสนามบินมันดูประหลาด ทั้งที่ฉันมองว่ามันเท่ แต่มันก็เป็นสไตล์ของฉันนี่คะ จะให้ทำอย่างไร? แต่พอเวลาผ่านไป คนก็เริ่มเข้าใจแล้วก็ยอมรับ ทำให้ฉันมีความมั่นใจมากขึ้นค่ะ

W Korea: : หากคุณย้อนกลับไปวันเก่า ๆ ได้ คุณอยากจะพูดอะไรกับฮโยยอนในตอนนั้น?
ฮโยยอน: ฉันอยากจะบอกว่าให้ตั้งใจทำงาน และทำสิ่งที่ทำอยู่ไปเรื่อย ๆ พอมองย้อนกลับไป ถึงแม้ว่าจะมีช่วงเวลาที่พบเจอกับอุปสรรค แต่ฉันก็คิดว่ามันเป็นสิ่งที่เราจะต้องเผชิญค่ะ


แทยอน




W Korea: : คุณรู้สึกอย่างไรตอนที่ทำอัลบั้มนี้
แทยอน: อย่างแรก ฉันรู้สึกว่าการแสดงอะไรออกมาภายในพาร์ทสั้น ๆ เป็นสิ่งที่ยาก ซึ่งอาจเป็นผลจากการทำงานเดี่ยวมาก่อนหน้านี้ จนช่วงนี้ ฉันก็ทำนั่นทำนี่คนเดียวเพื่อทำเพลงค่ะ

W Korea: : เรียกได้หรือไม่ว่าคุณเป็นผู้มีประสบการณ์ ในเรื่องการแสดงเสน่ห์ออกมาในพาร์ทสั้น ๆ จากพาร์ทต่าง ๆ มากมาย?
แทยอน: ฉันคิดว่าตัวเองไม่ได้มีเสียงที่แตกต่างอะไร ฉะนั้น การแสดงพาร์ทสั้น ๆ ออกมาโดยให้มีอิมแพ็คด้วยมันยังเป็นสิ่งที่ยากอยู่ ตอนที่อัดเพลง ฉันกังวลมากว่าจะทำอย่างไรให้เสียงตัวเองเข้ากันกับเสียงของสมาชิกคนอื่น ๆ ได้

W Korea: : ในบรรดาสมาชิกทั้งหมด คุณเป็นสมาชิกคนแรกที่เริ่มทำงานเดี่ยว เพลงโซโล่เพลงแรกของคุณที่ชื่อว่า 'I' ก็เพราะมาก และทุกครั้งที่คุณมีเพลงใหม่ ๆ การตอบรับก็จะดีทึกครั้ง คุณได้อะไรจากการทำงานเดี่ยวบ้าง?
แทยอน: ฉันได้เรียนรู้ว่าฉันควรจะเตรียมตัวให้ดีมากขึ้นค่ะ เพราะทุกคนจะจับตามองคุณแค่คนเดียว เวลาที่ฉันทำงานกับ Girls' Generation คนอื่น ๆ ฉันกับสมาชิกก็จะมีบทบาทและเสน่ห์ที่ตัวเองต้องรับผิดชอบ แต่เวลาที่ฉันทำงานเดี่ยว ฉันจะต้องแสดงสิ่งเหล่านั้นทั้งหมดคนเดียว

W Korea: : หากคุณอยากจะเป็นผู้นำทางด้านเพลง ตอนนี้มันก็คงจะเริ่มขึ้นบ้างแล้ว
แทยอน: จริง ๆ แล้วฉันไม่ได้สนใจเรื่องการเป็นผู้นำเลยค่ะ และพยายามที่จะทำอะไรที่เหมาะกับความสามารถของตัวเองมากกว่า ตอนที่ฉันทำงานเดี่ยว ฉันจะแสดงความเป็นตัวเองออกมาได้ที่สุดก็ตอนที่ฉันรู้สึกสบายใจ แต่เวลาทำงานร่วมกัน ฉันจะเป็นคนเดียวที่รู้สึกสบายใจไม่ได้ ฉันจะต้องพยายามปรับตัวเองให้เข้ากับคนอื่น ๆ ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เวลาที่มีผู้เชี่ยวชาญมาคอยให้คำแนะนำ แทนที่จะแสดงความคิดเห็นใหญ่ ๆ อะไรออกมา ฉันกลับรู้สึกสบายใจมากกว่าที่จะรับฟังความคิดเห็นของพวกเขา อย่างตอนนี้ ฉันรู้สึกดีใจที่ได้รู้ว่าพวกเขาคิดอย่างไรกับการครบรอบ 10 ปีของ Girls' Generation

W Korea: : คุณได้มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการครบรอบ 10 ปีของ Girls' Generation กับสตาฟฟ์ที่ช่วยทำอัลบั้มอย่างไรบ้าง?
แทยอน: แทนที่จะเน้นความเข้มแข็ง เราอยากจะเน้นอารมณ์ความรู้สึกที่พวกเราได้ฉลองและสนุกไปกับช่วงเวลาที่ผ่านมาที่ได้ใช้เวลาร่วมกับแฟน ๆ เหมือนเป็นการระลึกถึงวันที่สำคัญนี้น่ะค่ะ

W Korea: : คุณเคยบอกว่าการแสดงความรู้สึกที่อยู่ในใจเป็นเรื่องยาก คุณก็เลยไม่แต่งเพลง แต่คุณก็เป็นศิลปินมานาน มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่คุณจะอยากแสดงตัวตนของคุณมากขึ้นบ้าง
แทยอน: ฉันเคยคิดว่าทำไมฉันถึงเป็นแบบนั้น โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงเนื้อเพลง ที่ฉันคิดแบบนั้นก็เพราะว่าฉันเป็นคนที่ต้องการป้องกันตัวเองเพราะกลัวว่าคนอื่นจะเข้าใจผิดในตัวฉัน คนแต่ละคนมีการตีความที่แตกต่างกัน และถึงแม้ว่าฉันจะเขียนสิ่งที่ฉันจินตนาการขึ้นมา มันก็จะมีคนแย้งว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกกลัวค่ะ

W Korea: : ถ้าเช่นนั้น แทยอนจะมีวิธีไหนบ้างในการแสดงความเป็นศิลปินออกมา?
แทยอน: อืมมม ฉันคิดว่าทุกอย่างมันมีเวลาของมันค่ะ ว่ากันตามตรง เมื่อไรที่ฉันพูดแบบนี้ คนก็จะคิดว่า 'แทยอนจะไม่มีวันแต่งเพลง' ฉันก็เลยต้องระมัดระวังค่ะ ฉันพูดได้แค่ว่าตอนนี้ มันยังไม่ถึงเวลาที่ฉันจะแต่งเพลงค่ะ แต่ใครจะรู้ว่าในอนาคต มันอาจจะมีบางอย่างเกิดขึ้น หรือฉันอาจจะได้แรงบันดาลใจในการเขียนเพลงก็ได้

W Korea: : คุณได้และเสียอะไรจากการเป็น Girls' Generation?
แทยอน: ฉันได้ใช้ชีวิตค่ะ มันทำให้ฉันค้นพบ 'ตัวเอง' แต่ถ้าถามว่าฉันสูญเสียอะไร ขอคิดดูก่อนนะคะ ฉันคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ค่ะ.... (หัวเราะ) คงเป็นชีวิตส่วนตัว แล้วก็แทยอนก่อนที่จะได้มาเป็น Girls' Generation ฉันอยากจะเจอเด็กคนนั้นอีกครั้ง แต่ฉันก็จำเด็กคนนั้นไม่ค่อยได้แล้วล่ะค่ะ

W Korea: : คุณน่าจะเขียนไดอารี่เอาไว้เผื่อมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น
แทยอน: ถ้าพูดถึงไดอารี่ สิ่งที่ฉันจะทำก็คือเอาไปใส่เครื่องทำลายเอกสารค่ะ (หัวเราะ) ฉันจะเหงื่อออกเวลาอ่านไดอารี่ ฉันไม่ชอบไดอารี่เลยค่ะ

W Korea: : ทำไมคุณถึงไม่ชอบไดอารี่? หรือว่าคุณไม่ชอบที่มันน้ำเน่า?
แทยอน: ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำค่ะว่ามันเป็นอย่างไร แต่ฉันดูตารางงานที่ฉันเคยเขียนมาไม่ได้ด้วยซ้ำ ฉันไม่ชอบอดีตค่ะ คงเป็นเพราะฉันอยากจะใช้ชีวิตโดยที่ไม่อยากให้ตัวเองไปผูกกับอดีตล่ะมั้งคะ? สำหรับฉันสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ วันนี้ และเวลานี้ เท่านั้นค่ะ ฉันอยากจะคิดถึงวันพรุ่งนี้มากกว่า ทุกวันนี้ฉันก็เลยใช้กระดาษโพสต์อิทแทน เวลาเขียนโน้ตจะได้เขียนได้ง่าย ๆ แล้วก็ทิ้งง่ายด้วย ฉันแปะโพสต์อิทไว้ทั่วทุกที่เลยค่ะ ไม่ว่าจะห้องนอน โต๊ะกินข้าว กระจก แล้วก็ทางเดิน ฉันจะเขียนพวกสิ่งที่ฉันต้อง เรื่องที่ฉันต้องพูดกับผู้จัดการ สิ่งที่ฉันอยากปรับปรุงในอัลบั้ม อะไรก็ได้ที่ฉันนึกออกในตอนนั้นน่ะค่ะ

W Korea: : เวลาผู้หญิงอยู่ด้วยกัน ผู้คนก็มักจะคิดว่าจะต้องมีการอิจฉาริษยากันอย่างแน่นอน คุณอยากจะบอกอะไรกับคนเหล่านั้นหรือไม่?
แทยอน: "มันก็ต้องมีอยู่แล้วล่ะ จะไม่มีได้อย่างไร" (หัวเราะ) หลาย ๆ คนจะสงสัยว่าพวกเราต้องมีการอิจฉากันหรือเปล่า ซึ่งพวกเราจะมีความจริงใจต่อกันมาตั้งแต่สมัยก่อนแล้วล่ะค่ะ เพราะฉะนั้น เวลาพวกเรามีปัญหา หรือมีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน เราก็จะพูดออกมาแทนที่จะเก็บเงียบเอาไว้ การใช้คำพูดให้ถูกนั้นสำคัญมากค่ะ แทนที่จะพูดว่า 'ทำไมถึงทำแบบนี้?' แล้วพูดว่า 'ทำแบบนี้จะดีกว่านะ คิดว่าอย่างไร?' แทน จะเห็นว่ามันแตกต่างกันอย่างชัดเจนเลยล่ะค่ะ

W Korea: : นับตั้งแต่เดบิทว์จนถึงตอนนี้ คุณคิดว่าคุณเติบโตมากขึ้นในเรื่องอะไร?
แทยอน: ฉันคิดว่าฉันรู้วิธีรับมือกับผู้คนมากขึ้นค่ะ ฉันได้เรียนรู้ว่าคำพูดของเราสามารถเปลี่ยนอารมณ์ของคนให้เป็นอีกแบบได้เลย เรียกได้ว่ารู้วิธีที่จะสื่อสารกับผู้คนมากขึ้นล่ะมั้งคะ? แถมฉันได้เรียนรู้ที่จะป้องกันตัวเองด้วยค่ะ

W Korea: : คุณมีเคล็ดลับในการป้องกันตัวเองอย่างไร? มีหลายคนเลยที่ไม่สามารถปกป้องประเทศได้ แต่อยากจะปกป้องตัวเอง
แทยอน: ในทางตรงกันข้าม คุณต้องเสียสละค่ะ เมื่อก่อน ฉันไม่รู้ว่าจะจัดการกับความเครียดอย่างไร พอถูกถามว่ามีวิธีจัดการกับความเครียดอย่างไร ฉันก็จะตอบไปว่าฉันไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษหรอก เมื่อก่อนฉันชอบอยู่กับบ้าน ซึ่งฉันคิดว่าไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ตอนนี้ ฉันค้นพบหนทางใหม่แล้วล่ะค่ะ... ฉันเป็นติ่งเครื่องสำอางค่ะ พอฉันหันมาติดเครื่องสำอาง ฉันก็ค้นพบวิธีที่จะจัดการกับความเครียด ซึ่งก็คือการซื้อเครื่องสำอางเยอะ ๆ ค่ะ เมื่อก่อนฉันไม่ค่อยชอบออกจากบ้านไปเดินห้าง แต่ตอนนี้ฉันชอบใส่หมวกออกไปเดินชอปปิ้งข้างนอกค่ะ เพราะเวลาไปซื้อพวกเครื่องสำอาง ฉันต้องไปเห็นเฉดสีพวกนั้นด้วยตัวเอง

W Korea: : ถ้าลองสังเกตดูพวกโต๊ะเครื่องแป้งของ Youtuber ความงาม จะสังเกตว่าพวกเขาจะทำกล่องเก็บเครื่องสำอางไว้โดยเฉพาะเลย คุณชอบเครื่องสำอางถึงขั้นนั้นหรือเปล่า?
แทยอน: ก็คล้าย ๆ แบบนั้นค่ะ ฉันสั่งซื้อกระจกที่ติดไฟสวยงามเอาไว้ อีกไม่นานก็จะส่งมาถึงค่ะ พอลองนึกแล้วก็ตื่นเต้นมาก ๆ ค่ะ ก่อนหน้านี้ไม่นานฉันก็เพิ่งสั่งซื้อบลัชออนแล้วก็มาสคาร่ามาเยอะแยะเลยค่ะ มากขนาดที่ว่าต่อให้ใช้ทั้งชีวิต ก็ยังไม่หมดเลยล่ะมั้งคะ?

W Korea: : สุดท้ายนี้ คุณอยากจะพูดอะไรเกี่ยวกับอัลบั้มฉลองครบรอบ 10 ปีนี้บ้าง?
แทยอน: ตอนที่เราอัดอัลบั้มนี้ พวกเราคิดเสมอว่า 'นี่แหละ ช่วงแรก ๆ ที่เราเดบิวท์ก็เป็นแบบนี้' ฉันคิดว่ามันเป็นอัลบั้มที่จะทำให้แฟน ๆ นึกถึง Girls' Generation ในวันเก่า ๆ ค่ะ ฉันคิดว่าแฟน ๆ คงจะได้มีโอกาสระลึกถึงวันเก่า ๆ ค่ะ


ซอฮยอน




W Korea: : คุณกำลังมีผลงานละครเรื่อง 'Thief, Mr. Theif' ร่วมกับคุณจีฮยอนวู และคิมจีฮุน ซึ่งเป็นละครเรื่องยาว มีทั้งสิ้น 5 ตอน การทำงานในละครเรื่องนี้เป็นอย่างไร?
ซอฮยอน: สนุกกว่าที่ฉันคิดค่ะ ตอนที่เราเริ่มถ่ายครั้งแรก ฉันก็คิดว่า 50 ตอนนี่มันเยอะมาก ๆ และทำให้ฉันคิดว่า ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเราถ่ายมาถึงตรงนี้แล้ว ฉันมักจะทำสองถึงสามอย่างพร้อม ๆ กัน เพราะฉะนั้น ฉันก็เลยเหมือนถูกฝึกให้จัดการกับตารางงานไปด้วย ฉันไม่มีเวลาไปออกกำลังกาย เลยเลือกที่จะทานวิตามินและควบคุมอาหารแทนค่ะ ฉันคิดว่าการซ้อมเต้นก็คงจะกลายเป็นการออกกำลังกายไปในอีกไม่นานล่ะมั้งคะ?

W Korea: : แต่ในละคร คุณถูกวางตัวให้เป็น 'ตัวอย่างของผู้หญิงทั่วไป' และ 'ไม่ใช่ผู้หญิงสวยและไม่มีความสามารถพิเศษอะไร' ฟังดูเหลวไหลจริง ๆ เมื่อคุณเป็นถึง ซอฮยอน แห่ง Girls' Generation
ซอฮยอน: หากคุณลองดูอย่างน้อยหนึ่งตอน ฉันว่าคำพูดพวกนั้นจะไม่ได้ฟังดูประหลาดอะไรเลยมั้งคะ? ฉันชอบที่ฉันสามารถเป็นตัวละครที่ฉันเล่นได้ บอกตามตรงนะคะ มีอยู่หลายครั้งที่ฉันรู้สึกหงุดหงิด เวลาที่ต้องแสดงแล้วตัวตนเดิม ๆ ของฉันยังคงอยู่ แต่ตอนที่แสดง ฉันก็คิดว่าฉันสามารถจัดการกับปัญหาพวกนั้นได้ มันก็เลยทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นค่ะ

W Korea: : คุณหมายถึงตัวตนเดิม ๆ ที่เป็น 'สาวที่เก่งและน่ารัก' ใช่หรือไม่?
ซอฮยอน: มีหลายคนที่คิดกันไปเองว่าฉันจะต้องเป็นเหมือนหนังสือเรียน และคงไม่รู้จักความสนุกสนาน แล้วเวลาที่ฉันทักทายพวกเขาไปก่อนด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริงและไม่ถือตัว พวกเขาก็จะตกใจมาก ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย 'อายุ 23 หรือ?' 'ไม่ใช่ค่ะ ฉันอายุ 27' พวกเขาก็จะตกใจในอายุของฉันอีก

W Korea: : เมื่อพูดถึงซอฮยอน ก็อดจะนึกถึงสไตล์การใช้ชีวิตอย่างเป็นระเบียบไม่ได้ มีบางครั้งที่ทำให้เราก็รู้สึกว่า 'คนที่มีระเบียบจะมาทำงานบันเทิง'
ซอฮยอน: เหตุผลที่ทำให้ฉันคิดว่าการใช้ชีวิตอย่างเป็นระเบียบเป็นสิ่งสำคัญ ก็เพราะว่าฉันรู้สึกว่าถ้าฉันไม่ใช้ชีวิตอย่างเป็นระเบียบ ฉันก็อาจจะหลงเดินไปในทางที่ผิดเพราะการถูกยั่วยุก็ได้ ทุก ๆ วันฉันจะงานยุ่งมากจนแทบจะจำสิ่งที่ทำไปเมื่อวานไม่ได้ ฉันรู้สึกว่า 'ถ้าฉันทำแบบนี้ไม่ถูก ฉันคงจะไม่ได้มาอยู่ตรงนี้แล้ว' การออกจากบ้านเพื่อมาเป็นเด็กเทรนด์ตั้งแต่ยังเด็ก ๆ เป็นสิ่งที่ฉันเลือกเองค่ะ มันทำให้ฉันรู้สึกว่าถ้าฉันเลือกใช้ชีวิตที่ดีด้วยตัวเองได้ 10 ปีผ่านไป ชีวิตของฉันก็จะยังคงดีเหมือนเดิมค่ะ

W Korea: : 10 ปีผ่านไป คุณได้เติบโตขึ้นมาก คุณรู้สึกอย่างไรเวลามองย้อนกลับไปยังช่วงเวลาที่คุณเข้มงวดกับตัวเองมาก ๆ เนื่องจากเมื่อก่อนคุณใช้ชีวิตอย่างเป็นระเบียบมาก ตอนนี้คุณคิดว่าอยากจะให้ตัวเองผ่อนคลายมากขึ้นหรือไม่?
ซอฮยอน: แน่นอนค่ะ ฉันคิดจริง ๆ ว่าฉันควรจะผ่อนคลายมากกว่านี้ ฉันมักจะตั้งกฎให้ตัวเองเสมอ อย่างเช่น 'ฉันต้องกลับบ้านก่อนเวลานี้' หรือ 'ฉันต้องไม่ไปพบคนคนนี้' แต่ฉันก็คิดว่าการใช้ชีวิตแบบนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแย่ ฉันเลยไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรค่ะ

W Korea: เวลาโปรโมทในเกาหลี Girls' Generation จะมีภาพลักษณ์ของการเป็นเด็กสาวที่น่ารัก แต่ในญี่ปุ่น Girls' Generation จะมีภาพลักษณ์ที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ด้วยการที่กลยุทธ์การโปรโมทในสองประเทศแตกต่างกันขนาดนี้ คุณได้เปลี่ยนมุมมองใด ๆ เกี่ยวกับวงหรือตัวคุณหรือไม่?
ซอฮยอน: หลังจากที่เราได้รับการยอมรับในญี่ปุ่น แทนที่จะเปลี่ยนแปลงมุมมอง ฉันกลับรู้สึกว่าเราได้เรียนรู้ว่าเราไม่ได้มีตัวตนแค่ด้านเดียว พวกเราเลยมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น ในช่วงที่เราโปรโมทในญี่ปุ่น เราพยายามที่จะไม่ประดิษฐ์ภาพลักษณ์ของผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่และมีความมั่นใจ เราเริ่มโปรโมทในญี่ปุ่นช่วงเพลง 'Tell Me Your Wish' ทำให้เราสามารถแสดงด้านอีกด้านหนึ่งออกมาได้ดีในตอนนั้นค่ะ

W Korea: : ในช่วงที่วงประสบปัญหา คุณทำหน้าที่หรือมีบทบาทอะไรบ้างหรือไม่?
ซอฮยอน: ฉันเป็นคนที่จะแสดงความคิดเห็นออกมาก่อนใคร เวลาอยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้รู้สึกไม่พอใจ เวลาเกิดปัญหาขึ้นกับวง ความรู้สึกของฉันมันก็จะผุดขึ้นมาทันที ฉันจะแสดงความเห็นในห้องแชทก่อนเสมอ ตอนแรก ฉันอาจจะเป็นเด็กน้อยที่เดินตามพี่ ๆ แต่พอเวลาผ่านไป ฉันสามารถทำอะไรเองได้แล้ว

W Korea: : ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา คุณมีผลงานเพลงเดี่ยวครั้งแรกในแนว R&B ป๊อบแดนซ์ เมื่อพูดถึงงานเพลง ถือได้ว่าเป็นโอกาสของคุณในการเริ่มต้นทำงานใหม่ ๆ
ซอฮยอน: มันสะท้อนความคิดของฉันถึง 98% เลยล่ะค่ะ ฉันมีส่วนร่วมเกือบทั้งหมด ทั้งการเลือกเพลงและเนื้อเพลง คอนเซ็ปต์ทุกอย่าง แม้กระทั่งรูปแบบมิวสิควิดีโอ ฉันก็เป็นคนเสนอเองค่ะ เวลาโปรโมทผลงาน ไม่ว่าใคร มันไม่ใช่แค่ว่าทำให้เสร็จ ๆ ไป แต่พวกเขามีความตั้งใจที่จะทำจริง ๆ ฉันไม่ได้อยากจะเป็นที่หนึ่ง หรืออยากจะเปลี่ยนภาพลักษณ์ของตัวเอง ฉันแค่อยากจะแสดงให้ทุกคนเห็นว่า 'ซอฮยอนที่เป็นศิลปินมา 10 ปี เป็นอย่างนี้นี่เอง' หลาย ๆ คนบอกว่ามันแปลกใหม่และน่าประหลาดใจมาก แต่ก็ไม่ได้ดูน่าอึดอัดอะไร ได้ยินแบบนี้แล้วฉันก็รู้สึกพอใจกับผลลัพธ์ของงานเดี่ยวที่ฉันทำค่ะ

W Korea: : พวกเรารู้สึกเหมือนกับว่า ซอฮยอนจะมีแผนที่ชัดเจนเกี่ยวกับงานในอนาคตแล้ว
ซอฮยอน: ในฐานะนักร้อง ฉันอาจจะมีประสบการณ์มา 10 ปี แต่ในฐานะนักแสดง มันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้นเองค่ะ มันให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนกัน แต่ฉันก็ชอบความรู้สึกแบบนั้นค่ะ Girls' Generation จะต้องยืนต่อหน้าทุกคนด้วยภาพลักษณ์ที่สวย และดูดี แต่ในฐานะซอฮยอน ฉันได้แสดงภาพลักษณ์ที่แตกต่างออกไป ยกตัวอย่างเช่น ฉันไม่ต้องวางแผนว่าจะต้องทำนั่นทำนี่ในช่วงละครเรื่อง 'Thief, Mr. Thief' ฉันเองก็มีความดื้ออยู่เหมือนกันค่ะ ฉันยังคงมีภาพการเป็นน้องเล็กอยู่ แม้เวลาจะผ่านมานานและตัวฉันเองก็มีการเปลี่ยนแปลงในหลาย ๆ ด้าน หากฉันมีโอกาสได้แสดงด้านอื่นผ่านทางการแสดง ฉันก็อยากจะทำงานแสดงอีกในอนาคตค่ะ

W Korea: : หากคุณได้เป็นอาจารย์ในโรงเรียนฝึกสอนเกิร์ลกรุ๊ป คุณอยากจะสอนวิชาไหนมากที่สุด?
ซอฮยอน: ฉันอยากจะให้การเยียวยาทางจิตวิทยาค่ะ เพราะสิ่งที่สำคัญมากที่สุดสำหรับคนที่ทำงานในวงการบันเทิงก็คือสุขภาพจิต เวลาที่ฉันเห็นคนเดบิวท์ตั้งแต่อายุยังน้อย ฉันรู้สึกสงสารพวกเขาและหลายครั้งก็รู้สึกไม่สบายใจ ไม่ใช่แค่คนในวงการบันเทิงหรอกค่ะ แต่ถ้าใครก็ตามในสังคมที่กำลังประสบปัญหามีโอกาสได้ไประบายกับใครสักคน และได้รับการเยียวยา ฉันคิดว่ามันก็จะดีไม่น้อยเลยล่ะค่ะ

W Korea: : คุณได้และเสียอะไรจากการเป็น Girls' Generation
ซอฮยอน: สิ่งที่ฉันได้ก็คือพี่ ๆ ที่ฉันชอบนี่ล่ะค่ะ มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลยที่คุณจะได้มีโอกาสพบใครแล้วสนิทกับคนคนนั้น ถ้าไม่นับคนในครอบครัวของคุณ ฉันคิดว่าฉันอาจจะขาดเวลาในการคิดทบทวนเกี่ยวกับชีวิตตัวเองก็ได้ค่ะ นับตั้งแต่เดบิวท์ ฉันแทบไม่มีเวลาจะอยู่เฉย ๆ เลย ฉันเลยรู้สึกเหมือนกับว่าฉันทำงานมากเกินไป มันจะเป็นอย่างไร ถ้าฉันได้ไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศคนเดียว ไม่ใช่ในฐานะ Girls' Generation แต่ในฐานะซอจูฮยอน ที่เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ฉันก็สงสัยเหมือนกันค่ะ ว่าตัวฉันที่ไม่ได้ทำงานตลอดเวลาจะมีคิด หรือใช้ชีวิตอย่างไร


Source: W Korea
English translation: sonexstella
แปลไทย: mashiks + jwesty21 ll soshifanclub ll http://www.soshifanclub.com