Written by Kang Myungseuk ([email protected])
Pictures by Lee Wonwoo([email protected])
Edited by Lee Jihye ([email protected])
Translated by [email protected]/forums/ [email protected]/forums/ [email protected]/forums
Edited by [email protected]/forums
แปลไทยโดย TranslatorGang@soshifanclub/ Sorazz@soshifanclub
กรุณานำออกไปพร้อมเครดิตทั้งหมด
.......................................................

'จริงๆแล้ว พวกเราเป็นเด็กที่มีำพลังนะคะ'

ตอนที่เพลง 'Gee' ของพวกคุณได้รางวัลที่ 1 เนี่ย พวกคุณรู้สึกยังไงบ้าง? เหมือนกับว่าพวกคุณเกือบจะร้องไห้เลย
เจสสิกา: มันก็กว่า 9 เดือนที่พวกเราทั้ง 9 ได้ทำงานร่วมกันกับการเตรียมตัวกับอัลบั้มนี้ และพวกเราก็ผ่านอะไรๆ มาเยอะมาก มันก็เลยมีบ้างแหละค่ะ ที่พวกเราจะตื้นตัน
พวกคุณกังวลไหมเกี่ยวกับการกลับมาของทุกคนเนี่ย?
ซอฮยอน: ฉันรู้สึกเหมือนครั้งที่พวกเราเปิดตัวครั้งแรกเลยค่ะ
เจสสิกา: แฟนๆ รักและสนับสนุนพวกเรามากตอนอัลบั้มแรก แต่ยังไงก็ตาม ตอนที่พวกเราเตรียมตัวทำอัลบั้มที่ 2 น่ะ มันกลับนานกว่าที่พวกเราคิดไว้เสียอีก ฉันก็เลยกังวลว่า ถ้าแฟนๆ ไม่รอพวกเราอีกต่อไปแล้วล่ะ จะทำยังไง?
"ฉันคิดว่าพวกเราโตขึ้นมากเลยค่ะ รู้สึกเหมือนกับว่าพวกเราเป็นนักศึกษาใหม่ยังไงยังงั้นเลย?"

ทิฟฟานี่ ตอนที่พวกเราแสดงอังกอร์พวกเราสนุกกันสุดๆ ตอนที่เรากรี๊ดใส่หน้ากันเองนี่แหละค่ะ
ผมสังเกตุมาหลายครั้งแล้วครับว่า พวกคุณจะดูตื่นเต้นกันมากเป็นพิเศษหลังจากที่ได้เป็นที่1 โดยเฉพาะระหว่างการอังกอร์น่ะครับ
ทิฟฟานี่ : ตอนนั้นที่พวกเราได้ที่ 1 พวกเราร้องไห้กันหนักเลยค่ะ ในช่วงเวลาที่พวกเค้าประกาศออกมาว่าพวกเราได้อันดับที่ 1 ฉันก็นึกย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่พวกเราทั้ง 9 คน ตั้งใจฝึกซ้อมและเตรียมตัวกัน ฉันรู้สึกขอบคุณสำหรับช่วงเวลาเหล่านั้นค่ะมันช่วยเราไว้มากทีเดียว พวกเราต้องการจะบอกกับเค้าจริงๆค่ะว่าพวกเราสำนึกในพระคุณของเค้าแค่ไหน และพวกเราก็ได้ทำมันแล้วจริงๆ ฮ่าๆๆ ช่วงเวลาที่เราแสดงอังกอร์เป็นช่วงเวลาแห่งความสนุกสนานจริงๆค่ะ โดยเฉพาะในตอนที่พวกเรากรี๊ดใส่หน้าพวกเรากันเอง
ยุนอาครับ รู้สึกว่าคุณจะโยนช่อดอกไม้ไปหาเหล่าผู้ชมได้ไม่ค่อยดีเลยนะฮะ ฮ่าๆๆ
ยุนอา : ฮ่าๆ คงเป็นเพราะการถ่ายทำละครน่ะค่ะ ฉันเลยไม่ได้ฝึกซ้อมกับสมาชิกคนอื่นได้เต็มที่เท่าไหร่ค่ะ นั่นเลยเป็นสาเหตุให้ฉันต้องพยายามอย่างหนัก
เพื่อที่จะไม่ให้พวกเธอต้องมากังวลกับฉันค่ะ เพื่อให้งานออกมาดีที่สุด ฉันจะให้ความสำคัญกับสมาชิกในวงมากกว่าสิ่งอื่นใด ค่ะ
ดูเหมือนว่าคุณจะมีความสุขมากนะครับเวลาที่คุณได้อยู่ร่วมกับเพื่อนๆบนเวที
ยุนอา : ตอนที่ฉันเล่นละคร ฉันได้รับความรักจากแฟนละคร YAMD อย่างมากมายค่ะ อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นบทบาทที่ท้าทายสำหรับฉันเช่นกันค่ะ เนื่องจาก อายุของเซบยอคนั้นมากกว่าตัวฉันค่ะ แต่ฉันมีความสุขมากๆค่ะเมื่อฉันได้อยู่ร่วมกับเพื่อนๆในวง
ทิฟฟานี่ : พวกเราเคยสนิทกันค่ะ แต่ระหว่างช่วงพักยาวของพวกเรานั้นพวกเราก็ได้พัฒนามาเป็นความใกล้ชิดสนิทสนมกันแบบ
พี่น้องค่ะ ซึ่งคุณคงจะสังเกตุว่าเราสนิทกันแค่ไหน ตอนที่พวกเราอยู่บนเวทีค่ะ
เราเห็นแล้วล่ะครับว่าพวกคุณมีทีมเวิร์คที่ยอดเยี่ยมและเตรียมตัวกันมาหนักจริงๆกับ เพลง Gee พวกคุณรู้สึกอย่างไรกันบ้างครับเมื่อได้มีการโปรโมท คอนเซปต์ Gee สุ่สาธารณะชน
ซูยอง : ตอนที่พวกเราโปรโมท Girls Generation เครื่องแต่งกายของพวกเราจะใส่ กระโปรงสั้น และ รองเท้าส้นสูงค่ะ ภาพลักษณ์ของพวกเราจะออกแนวสาวจ๋า มากค่ะ มาตอนนี้ พวกเรามีความคล่องตัวมากขึ้นเมื่อได้ใส่ยีนส์ค่ะ พูดจริงๆเลยนะคะ พวกเราเป็นเด็กไฮเปอร์กันเอามากๆค่ะ ฮ่าๆๆ ดังนั้นฉันจึงคิดว่าคอนเซปต์อันนี้เหมาะกับเรามากค่ะ
ทิฟฟานี่ : เครื่องแต่งกายของพวกเราในอัลบั้มแรกนั้นออกจะมีรูปแบบที่ซับซ้อนนิดหน่อยค่ะ ตอนนั้นพวกเราคิดนะคะว่ามันคงจะเจ๋งไปเลยถ้าได้ใส่ยีนส์ มาถึงตอนนี้ที่พวกเราได้ใส่ยีนส์ ก็ทำให้พวกเราวิ่งไปวิ่งมาได้อย่างมีความสุขและสดใสค่ะ
ผมคิดว่า คอนเซปต์ Gee นั่นได้แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของ โซนยอชิแด ที่ได้หายไประหว่าง 9 เดือนที่ผ่านมา มันทำให้พวกคุณดูทันสมัย และ ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ด้วยนะครับ
แทยอน : ในเพลง Kissing you และ Girls Generation พวกเราแค่น่ารักเท่านั้นค่ะ รู้มั้ยค่ะ พวกเรามีเครื่องประดับหมีน้อยด้วยนะ มาถึงตอนนี้ฉันรู้สึกว่าพวกเราเป็นนักศึกษาเฟรชชี่ค่ะ
ทิฟฟานี่ : ย้อนกลับไปประมาณ 1 ปี ค่ะ ตอนนั้น ฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นเด็กนักเรียนชั้นมัธยมปลาย มาตอนนี้ฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นนักศึกษาแล้วล่ะค่ะ ฉันไม่ได้รู้สึกว่ามันจะแปลกๆอะไรนะคะ ตอนที่เต้นเพลง Kissing you เพียงแต่ฉันรู้สึกว่าเราเคยร้องเพลงนั้นเมื่อนานมาแล้วเท่านั้นเอง
พวกเราเคยตกหลุมรักใครมั้ย? แน่นอน เคยค่ะ

ยูริ: "เราเคยใช้จินตนาการของพวกเราเพื่อที่จะบรรยายความรู้สึก "ปันจัก ปันจัก นูนีบุซชยอ" (So bright So bright, My eyes are blinded) ค่ะ
ตอนนี้พวกคุณยังคิดว่าเนื้อเพลง Gee เน้นหนักไปทางความน่ารักอีกหรือเปล่า?
แทยอน: ตอนแรก ฉันคิดว่า "Gee" นี่ดูเด็กๆเกินไปค่ะ แต่ฉันก็เปลี่ยนความคิดนั้นเมื่อฉันได้เห็นว่าเนื้อเพลงมันช่างไหลลื่น
ไปกับเมโลดี้ของเพลงได้ดีเหลือเกิน
ยูริ: ถ้าเปรียบเทียบกับเนื้อเพลงในเพลงก่อนๆของเรา เนื้อเพลง "Gee" จะมีความตรงไปตรงมามากกว่าในเรื่องของความรู้สึก
เมื่อได้เจอหน้าคนที่ชอบค่ะ มันจะเป็นเครื่องเตือนใจฉันว่าฉันจะรู้สึกอย่างไรเมื่อเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นกับฉัน ค่ะ"
มันเกิดขึ้นกับพวกคุณบ้างหรือเปล่า?
ฮโยยอน: ความรักเหรอคะ? แน่นอนอยู่แล้วค่ะ
ซูยอง: เราทุกคนมีความความรักนะคะ อ้อ.. ยกเว้นน้องเล็กค่ะ (หัวเราะ)
ซอฮยอน: ฉันไม่เคยมีมันเลยค่ะ (หัวเราะ)
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่ชอบมันจริงๆ ถ้าพวกเขาเกิดตกหลุมรัก (อ้างอิงจากเนื้อเพลงท่อน ปันจัก ปันจัก นูนีบุซชยอ)
ฮโยยอน: ฉันคิดว่า "Gee" เกี่ยวกับว่าพวกเขารู้สึกอย่างไรเมื่อตกหลุมรัก เขาหรือเธอไม่รู้จักคุณ แต่คุณก็รักเขาหรือเธออยู่ในใจ คุณไม่คิดเหรอคะว่าตาคุณจะบอดในเรื่องนั้น อ่อ ฉันแน่ใจว่ามันจะไม่เกิดขึ้นถ้าคุณไปเดทกับใครสักคนค่ะ (หัวเราะ)
สมาชิกแต่ละคนก็มีท่อนร้องที่ต่างกันออกไปในเพลง "Gee" ฉันคิดว่าพวกคุณต้องตั้งอกตั้งใจจริงๆเวลาที่มันมาถึงท่อนที่พวกคุณต้องร้องและ
แสดงให้คนเห็นตัวตนของคุณออกมาอย่างรวดเร็ว
ซูยอง: ใช่ค่ะ สมาชิกแต่ละคนต้องเปลี่ยนกันร้องอย่างรวดเร็ว ดังนั้นมันจะช่วยกระตุ้นให้ผู้ชมอยากรู้ว่าใครจะมาร้องเป็นคนต่อไป ในอารมณ์แบบนั้น เราต้องแสดงให้คนเห็นสเน่ห์ของเราออกมาอย่างรวดเร็วค่ะ เป็นต้นว่า ถ้าซอฮยอนร้องดีมากๆในตอนแรก ดังนั้นฉันก็ต้องร้องให้ดีเท่าๆกับเธอ โดยที่ฉันไม่สามารถร้องให้ดังกว่าเธอได้ ถ้าฉันได้ร้องท่อนของฉันออกมาอย่างไร้พลัง มันก็จะมีความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างสมาชิกว่าใครทำได้ดีและใครทำได้ไม่ดีค่ะ
.
นั่นใช่เหตุผลว่าทำไมพวกคุณถึงฝึกซ้อมกันหนักมากทั้งการร้องและการเต้นหรือเปล่า?
ซอฮยอน: ระหว่างช่วงโปรโมทอัลบั้มแรกของพวกเรา เราทำงานกันหนักมากค่ะ ตอนนี้เรามีวิสัยทัศน์ที่ใหญ่กว่าสำหรับการแสดงในอนาคตของเรา เรามองย้อนไปว่าเราร้องเพลงได้ดีแล้วแต่การแสดงออกทางสีหน้ายังไม่ดีพอ ดังนั้นเราต้องพัฒนาในจุดนั้นค่ะ
เมื่อพวกคุณเตรียมตัวสำหรับการเต้นในเพลง "Gee" มีท่าไหนโดยเฉพาะที่พวกคุณฝึกมากเป็นพิเศษหรือเปล่า?
เจสสิก้า: ฉันคิดว่าเราต้องแสดงออกทางสีหน้าให้เข้ากับการเคลื่อนไหวของร่างกายเราค่ะ ไม่ว่าจะเป็นท่าเต้นแบบไหน มันก็มีทางทำให้ดูเป็นผู้หญิงได้อยู่ดี ฉันคิดว่านั่นเป็นจุดแข็งของโซนยอชิแดค่ะ
ฮโยยอน เมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันฝึกซ้อม ฉันจะโฟกัสไปที่ร่างกายอยู่เสมอค่ะ ฉันมั่นใจในการเต้นให้ดูแมนๆ แต่เมื่อพูดถึงการเต้นแบบเซ็กซี่ อืม..(ชี้ไปที่ซูยอง) เด็กคนนั้นที่มีร่างกายที่สูงยาวดูสวยงาม ฉันจะทำอย่างดีที่สุดที่จะแสดงความรู้สึกของการเต้นออกมาค่ะ

บางครั้งที่พวกเราทะเลาะกัน แต่เพราะว่าพวกเราเหมือนพี่น้องกัน เราจะกอดกันแล้วทุกอย่างมันก็ผ่านไป

สำหรับเพลง 'Gee' ทุกคนจะต้องเต้นให้ได้จังหวะไปพร้อมๆ กันการร้องเพลงสด พวกคุณทำได้ยังไงน่ะ มันเยี่ยมมากเลย?
เจสสิกา: เรากังวลกันมากเลยค่ะว่าพวกเราจะร้องสดกันได้ไหม เพราะว่ามันเหนื่อยมาก หายใจแทบไม่ทันเลยค่ะ... แต่ตอนนี้พวกเราชินแล้ว
แทยอน: ถ้าเป็นท่าเต้นเดียวกัน พวกเราจะแบ่งเป็น 3 กลุ่มแล้วซ้อมด้วยกัน แล้วพวกเราก็จะซ้อมเต้นท่าที่เหลือแบบนี้เหมือนกันค่ะ เราอัดวีดีโอตอนเราซ้อมไว้ด้วย แล้วก็มาดูกันอีกครั้ง
ทิฟฟานี: เราไม่มีทางเลือกนี่ค่ะ แต่มันเป็นทางเดียวที่จะช่วยให้พวกเราเต้นได้พร้อมกัน เพราะว่าเรามีสมาชิกตั้งเยอะ (ชี้ที่ตัวเอง) ถ้าคนใดคนหนึ่งเต้นผิด มันจะเห็นชัดมาก
เจสสิกา: แต่พวกเราเต้น 'Gee' ได้แม่นขนาดนี้เร็วมากเลยนะคะ ตอนเราซ้อม 'Into the New World' ก็ใช้เวลาหลายเดือนเลยค่ะ ส่วนเพลง 'Kissing You' หรือว่า 'Girls Generation' เราก็ซ้อมกันระหว่างช่วงโปรโมทเพลง ใช้เวลาแค่ 3 วันเท่านั้นเองค่ะ

ท่าเต้นใน 'Into the New World' ยากมากมั้ยเนี่ย? (หัวเราะ)
ทิฟฟานี่: เมื่อก่อนนี้ พวกเราจะฝึกซ้อมหนักมากเลยค่ะ เพราะว่าพอฝึกซ้อมบ่อย ๆ แล้ว ร่างกายมันจะจดจำท่าเต้นได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งพวกเราก็ทำอย่างนี้กับ 'Kissing You' เหมือนกันค่ะ เพียงแต่ทุกครั้งที่ซ้อม เราต้องตั้งใจจริง ๆ แล้วก็ลงแรงเต็มที่เลยล่ะค่ะ (หัวเราะ)
ยูริ: เพราะว่าพวกเราเตรียมตัวกับเพลง 'Into the New World' เป็นเวลานานเกือบปีเต็ม ๆ พวกเราทั้ง 9 คนจึงมั่นใจกันมากเลยล่ะค่ะ
ทิฟฟานี่: เราเคยบ่น ๆ กันอยู่ค่ะ แต่ตอนนี้เรารู้แล้วว่าเป็นผลดีเพียงใด (หัวเราะ)
ฮโยยอน, คุณดูเหมือนเป็นคนที่มีพรสวรรค์ในการเต้นมากเลยนะ. คุณเคยรู้สึกอยากจะโชว์ทักษะการเต้นของคุณมากกว่าการที่ต้องทำงานกันเป็นกลุ่มมั้ย?
ฮโยยอน: ส่วนตัวแล้วฉันก็จะฝึกซ้อมเองตลอดนะคะ. คุณไม่มีทางรู้อนาคตว่าจะมีโอกาสอะไรรออยู่นี่คะ ดังนั้นฉันจึงเตรียมพร้อมเสมอ เมื่อไหร่ที่มีใครขอให้ฉันเต้น ฉันก็จะแสดงศักยภาพของฉันออกมา ถึงแม้มันจะเป็น extra work หลังจากซ้อมรวมหรือตารางงาน แต่ฉันก็จะพยายามสุดความสามารถค่ะ
พวกคุณคงเตรียมตัวกันหนักมากสินะ แต่เวลาที่ขึ้นเวทีเนี่ย, มีบ้างมั้ยที่บางครั้งพวกคุณพลาดพลั้ง หลงลืม หรืออะไรประมาณนั้น เพราะมันคงเป็นเรื่องยากอยู่แหละ ที่จะต้องทั้งร้องทั้งเต้น 'Gee' ท่ามกลางเสียงเชียร์ของแฟน ๆ ผู้ชาย
เจสสิก้า: ก็มีบ้างนะคะที่บางครั้งฉันรู้สึกเสียดายเล็กน้อย เพราะฉันไม่สามารถตอบสนองแฟน ๆได้อย่างที่ควรจะเป็น หลาย ๆ ครั้งที่เสียงเชียร์ดังจริง ๆค่ะ จนพอจบการแสดงไปแล้วฉันยังสงสัยอยู่เลย ว่าฉันได้ร้องไปรึเปล่าเนี่ย?
ซอฮยอน: เวลาที่เราร้อง 'Himnae' กันน่ะค่ะ ฉันจะเป็นคนเริ่มต้นเพลงใช่มั้ยละคะ? แต่ก็มีเวลาที่ฉันจับจังหวะเพลงพลาด เพราะทำนองเพลงที่เบาเกินไปบ้าง เพราะเสียงเชียร์ของแฟน ๆ บ้างน่ะค่ะ
ทิฟฟานี่: ถ้าเป็นอย่างนั้นละก็ ฉันคงจะบอกว่า "พอก่อนนะคะ, ขอเริ่มใหม่อีกรอบดีกว่าค่ะ" (หัวเราะ)
แฟน ๆ ของสมาชิกแต่ละคนก็คงต่างกันด้วยสินะ?
เจสสิก้า: เนื่องจากพวกเราแต่ละคนมีสเน่ห์ต่างกันไป, ดังนั้นแฟน ๆ ของแต่ละคนก็จะต่างกันค่ะ เช่น พี่สาวทั้งหลายรวมถึงพวก โอปป้า จะชอบซอฮยอนกันมากค่ะ
ทิฟฟานี่: แต่ที่จริงแล้วพวกเรารู้สึกดีใจมากที่รู้ว่าแฟน ๆ รักพวกเราในฐานะโซนยอชิเด มากกว่าจะรักพวกเราคนใดคนหนึ่งน่ะค่ะ ก่อนหน้านี้ ถ้าพวกเราสักคนไปโปรโมตที่ไหนซักแห่ง คนนั้นก็จะได้รับความนิยมมาก ~ แต่เดี๋ยวนี้ สมมติว่าของขวัญของซอฮยอนถูกส่งมา มันก็จะมีของเล็ก ๆ น้อย ๆ เอาไว้ให้พวกเราทุกคนอีกด้วยละค่ะ (หัวเราะ)
บางครั้งแฟน ๆ ก็ชอบจับคู่พวกคุณด้วยนะ. คุณคิดว่ายังไงบ้าง? น่าสนใจมั้ย?
ซูยอง: เป็นเรื่องจริงค่ะ พวกเราเจอมาเยอะเหมือนกัน
แทยอน: ฉันเองก็พอทราบมาเหมือนกันค่ะ. เช่นเวลาที่พวกเค้าเรียกเราว่า แทนี่ ก็จะหมายถึง แทยอน และ ทิฟฟานี่ ความจริงแล้วพวกเราก็ทำตัวกันตามปกตินะคะ แต่บางครั้งแฟน ๆ ก็ชอบคิดว่าพวกเราเป็นคู่กันแหละค่ะ

พวกคุณรู้สึกแปลกใจกับมันบ้างรึเปล่า?
แทยอน: ฉันว่าบางครั้งมันก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ในแต่ละวันของพวกเรานะคะ แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าพวกเค้าไม่รู้จักเราจริง ๆ ละก็ พวกเค้าคงไม่รู้หรอกค่ะ
ซูยอง: เมื่อไม่นานมานี้, ฉันจำได้ว่า หลุดคำว่า 'ห๊ะ?' ออกมา เพราะระหว่างที่เต้น เวลาที่ฉันต้องก้มตัวหรือเอนตัว สีหน้าของฉันจะบ่งบอกถึงความไม่ถนัดของท่าน่ะค่ะ(หัวเราะ) ดังนั้นแฟน ๆ จึงนำยาพอกมาให้ฉันใช้ พวกเขาสังเกตุเห็นแม้กระทั่งเพียงเสี้ยววินาที ฉันต้องขอบคุณมากๆ เลยค่ะ
สำหรับไอดอลกรุ๊ปอย่าง โซนยอชิเด เนี่ย, ผู้คนคงพูดคุยเกี่ยวกับพวกคณบนอินเตอร์เน็ตกันมากเลยสินะ. เคยรำคาญบ้างมั้ย?
เจสสิก้า: ก็ไม่เชิงนะคะ เนื่องจากเดี๋ยวนี้พวกเราจะระวังคำพูด กิริยาท่าทางมากกว่าเดิม เพราะคำพูดบางคำของพวกเราอาจสร้างปัญหาใหญ่ได้ เช่น เวลาที่ฉันยืนอยู่เฉย ๆ ด้วยใบหน้าไร้อารมณ์น่ะค่ะ ผู้คนก็จะคิดว่า ฉันต้องอารมณ์เสียแน่ ๆ เลย แต่จริง ๆ แล้วฉันแ่ค่ไม่ได้หัวเราะอะไรบ่อยขนาดนั้น ดังนั้นตั้งแต่ฉันเป็นโซนยอชิเด ฉันก็หัวเราะมากขึ้นละค่ะ
ซูยอง: ก่อนที่จะเปิดตัว, เวลาที่เราไปร้านอาหารแล้วได้รับการบริการที่ไม่ค่อยดี ฉันจะแย้งทันทีว่า "ขอโทษนะคะ เราเป็นลูกค้านะ" แต่เดี๋ยวนี้มันคงดูไม่งามนัก หากฉันยังคงทำแบบนั้น
แล้วพวกคุณไม่ต้องแบกรับความกดดันบ้างหรอ? ทั้งบนเวทีและนอกเวทีน่ะ
ซันนี่: ทุก ๆ คนก็ต้องกดดันกันทั้งนั้นแหละค่ะ โดยเฉพาะพวกเราที่ต้องร้องเพลงต่อหน้าผู้คน สิ่งที่พวกเราคิดหรือรู้สึกนั้นไม่สำคัญเท่าการแสดงออกของเรา ซึ่งตอนนี้พวกเราก็เรียนรู้มามากพอสมควรแล้วล่ะ
ดูเหมือนพวกคุณก็เครียดกับตารางงานของคุณเหมือนกันนะ บนเวทีด้วยหรือเปล่า?
ซูยอง: คุณต้องพัฒนาสม่ำเสมอค่ะ ทั้งทางด้านความเป็นโปรเฟสชั่นน่อล ด้านอารมณ์ ความคิด ต่าง ๆ นา ๆ เช่น เวลาที่ฉันป่วย ฉันก็ไม่สามารถยิ้มแย้มได้ร่าเริงนักบนเวที ผู้คนอาจจะคิดว่าฉันรู้สึกรำคาญหรืออะไรต่อมิอะไร ดังนั้นมันก็มีบ้างน่ะค่ะ
ยูริ: ฉันคิดว่า ส่วนตัวแล้วฉันกดดันตัวเองมากขึ้นนะคะ เพราะฉันต้องการที่จะดีขึ้นอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นบนเวทีฉันจึงพยายามดึงด้านที่น่าเอ็นดูของฉันออกมาให้มากที่สุดน่ะค่ะ
ฮโยยอน: ปกติแล้วฉันจะเป็นคนเก็บตัวค่ะ แต่พอเวลาผ่านไปฉันก็เรียนรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องดีซักเท่าไหร่ บางครั้งเวลาที่ฉันโมโหสมาชิกบางคน ฉันจะเก็บไว้ แต่เดี๋ยวนี้ฉันจะพูดคุยกับพวกเค้า บางครั้งอาจจะระเบิดออกมาเลยก็ได้ แต่ฉันว่ามันก็เป็นเรื่องดีนะคะ เพราะฉันก็เป็นคนที่เปิดเผยมากขึ้น
มันคงลำบากน่าดูสินะ ถ้าเกิดต้องขัดใจกัน
ทิฟฟานี่: เพราะงั้นทุกคืนพวกเราถึงมานั่งคุยกันน่ะค่ะ
แทยอน: ฉันจำไม่ได้แล้วนะคะว่าครั้งแรกที่พวกเราพบกันนั้นมันตั้งแต่เมื่อไหร่ คงเป็นชั้นประถมเลยละมั้ง? พอเปิดตัวแล้ว พวกเราก็สนิทกันมากขึ้น มันจึงเป็นเรื่องที่ผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจเหมือนกัน เวลาที่เรานั่งคุยกันคะ

พวกเราโตขึ้น ฉันคิดว่าพวกคุณคงเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของพวกเรา

ส่วนใหญ่ปัญหาเกิดจากอะไรบ้างล่ะ?
ฮโยยอน: ก็มีแค่สามอย่างเท่านั้นแหละค่ะ อย่างเช่นว่าใครจะล้างห้องน้ำก่อน ถ้าฉันล้างห้องน้ำช้า ฉันก็ต้องเตรียมตัวให้เร็วกว่าเดิม
แทยอน: เวลาผ่านไป พวกเราก็จะรู้ว่าจะทำงานยังไงให้เร็วขึ้น
ฉันว่าสมาชิกทุกคนคงจะคอยปลอบใจกันในเวลาที่เศร้าใช่ไหมล่ะ
ทิฟฟานี: ใช่เลยค่ะ! สมาชิกทุกคนจะคอยให้กำลังใจฉัน ทำให้ฉันมีพลังขึ้นอีกในทุกครั้งที่ฉันเหงา หรือเวลาที่มีเรื่องแย่ๆ เกิดขึ้น ครอบครัวฉันไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย แต่เวลาที่ฉันอยู่กับสมาชิกคนอื่นๆ ฉันก็ไม่ค่อยคิดถึงครอบครัวเท่าไรเลยค่ะ เพราะว่าสมาชิกทุกคนเนี่ยคอยดูแลฉันเป็นอย่างดีเลย พ่อกับแม่ฉันจะโทรมาหาฉันก่อนเสมอแล้วจะบอกว่า "ทำไมไม่โทรหากันบ้างเลยนะ!" หนูขอโทษนะคะ (หัวเราะ)
พวกเราจะส่งข้อความที่น่าอายให้กันอยู่บ่อยๆ เวลาที่สมาชิกคนใดคนหนึ่งต้องออกไปทำงานคนเดียว

ซอฮยอน : พวกพี่สาวคอยปกป้องฉันค่ะ
เวลาที่พวกคุณอยู่ด้วยกันสมาชิกแต่ละคนมีหน้าที่เฉพาะรึเปล่า?
ฮโยยอน : มันแตกต่างกันไปทุกวันค่ะ
ซุยอง : วันนี้ฉันประหลาดใจมากเลยค่ะ เพราะว่าวันนี้ เจสสิก้าเป็นคนปลุกฉันค่ะ (หัวเราะ) เธอเป็นคนที่ขี้เซา....มันเป็นครั้งแรกเลยนะคะ
ตั้งแต่พวกเราเดบิวท์มาที่เธอปลุกฉันให้ตื่น
แทยอน : เจ้าหญิงนิทรา (Sleeping beauty) (หัวเราะ)
ซูยอง : เจ้าหญิงนิทราคนนั้นปลุกฉันค่ะ ปกติแล้วพวกเราจะต้องทำอะไรตั้งหลายอย่างเพื่อที่จะทำให้เธอตื่น แต่ว่าวันนี้เธอเป็นคนปลุกฉันค่ะ ดังนั้นฉันจึง
ตระหนักได้ว่า ' เจสสิก้าเป็นคนปลุกฉัน มันต้องสายมากแล้วแน่ๆเลย ' แล้วฉันก็เลยตื่นในทันทีเลยค่ะ
เจสสิก้า : ใช่แล้วล่ะ เธอตื่นสายมากๆ (หัวเราะ)
ตำแหน่งหัวหน้ามีผลอะไรต่อบรรยากาศในทีมบ้าง?
แทยอน : ไม่เลยค่ะ(หัวเราะ) อันที่จริงแล้วฉันรับฟังความคิดเห็นจากคนอื่นมากกว่าค่ะ พวกเราค่อนข้างกลมกลืนกันดังนั้นจึงไม่มีใครเป็นผู้นำจริงๆค่ะ
ฉันได้ดูรายการของ MBC รายการ Everyone1 Idol Army แล้วได้เห็นซอฮยอนตรวจสอบการขยิบตาของเธอกับบรรดาพี่สาวเหรอ?
เจสสิก้า : ใช่ค่ะ เธอทำมัน เธอน่ะไม่เก่งในการขยิบตาค่ะ ดังนั้น หลังจากนั้นเธอก็พูดว่า " ฉันทำอย่างนี้แล้วมันดูเป็นยังไงคะ? " มันเป็นเพราะเธอช่างไร้เดียงสาค่ะ haha
การเป็นมักเน่เนี่ยได้ประโยชน์อย่างไร?
แทยอน : "Maknae on top"! * หมายถึง มักเน่ ออกคำสั่งกับบรรดาพี่สาวของเธอ
ทิฟฟานี่ : เธอพูดว่า " พี่คะ อย่าทำอย่างนั้นค่ะ " กับพวกเราค่ะ
เจสสิก้า : (มองไปที่ซอฮยอนที่กำลังกลับมาหลังจากไปถ่ายรูป) "On top" กำลังมาค่ะ มานี่ซิ "On top"
แทยอน : เธอชอบถามคำถามอยู่บ่อยๆเลยค่ะ เพราะว่าเธอน่ะไร้เดียงสา พวกเราเองก็ซุ่มซ่ามแล้วก็มีตั้งหลายอย่างที่พวกเราก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เธอก็ยังถาม " พี่คะ ในสถานะการณ์อย่างนี้ฉันจะทำยังไงดีคะ? " เธอน่ารักจริงๆค่ะ
ทิฟฟานี่ : ดังนั้นถ้ามีใครเข้ามาหาเธอ พวกเราก็จะพูดว่า " ไม่นะ เธอเป็นน้องเล็กของเรานะ!" แล้วก็ต้องการที่จะปกป้องเธอค่ะ
จริงๆเหรอ?
ซอฮยอน : จริงค่ะ!
รู้สึกอย่างไรบ้างกับการที่จะต้องออกไปทำกิจกรรมเดี่ยว? พวกคุณดูเหมือนจะมีภาพลักษณ์เป็นกลุ่มที่ดี
แทยอน : บางครั้งมันก็รู้สึกเขินๆอยู่เหมือนกันค่ะในระหว่างการทำกิจกรรมเดี่ยว ฉันคิดว่ามันดีนะคะที่มีสมาชิกอยู่รอบๆฉัน
ซูยอง : ในตอนที่แทยอนกำลังโปรโมท เพลงประกอบละครและต้องไปถ่ายทำคนเดียวน่ะต่ะพวกเราส่งข้อความเขินๆอย่างเช่น
" ให้คิดว่าพวกเราอยู่ข้างๆเธอนะ " (หัวเราะ) ฉันว่ายุนอากับแทยอนคงรู้ดีที่สุดค่ะ
ฉันว่ากิจกรรมเป็นกลุ่มมีความหมายกับยุนอาอย่างมากเนื่องจากคุณต้องยุ่งมากๆกับการถ่
ายทำละคร
ยุนอา : ถูกต้องค่ะ มันสนุกมากเลยนะคะที่ได้ทำกิจกรรมในฐานะ SNSD แม้ว่ามันจะทำให้เหน็ดเหนื่อยบ้าง มันแตกต่างกับการทำกิจกรรมเดี่ยวค่ะ จริงๆแล้วละครมีอิทธิพลต่อตัวฉันอย่างมากเลยค่ะ ในตอนแรก ฉันได้รับบทตัวนำ และทุกๆคนในตอนนี้ก็รู้จักฉันเพราะว่าสิ่งนั้นค่ะ และที่สำคัญกว่านั้นก็คือมันทำให้ โซยอนชิแด เป็นที่รู้จักต่อสาธารณชนมากขึ้นค่ะ บางคนพูดว่า " เธอคือแซบยอกนี่ " ตอนที่มองมาที่ฉันน่ะค่ะ แต่ก็มีบางคนที่จะพูดว่า " เธอคือ โซยอนชิแด!"ค่ะ
แต่งเพลง,ถ่ายรูป,ธุรกิจ,เปียโน ... มีหลายสิ่งหลายอย่างเหลือเกินที่ฉันอยากจะเรียน

ซันนี่ : ฉันอยากจะเรียนเกี่ยวกับดนตรีมากกว่านี้ค่ะ
แทยอน, คุณไปปรากฏตัวในรายการ Radio Star กับนักดนตรีอายุ 40กว่าถึง50กว่า และในรายการ We Got Married กับ จองฮยองดน รู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้ไปอยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่ๆ
แทยอน : ฉันสบายใจกับการที่ได้ทำงานกับผู้คนที่มีอายุสูงกว่าฉันค่ะ.ใน Radio Star ฉันคิดว่ามันผ่านไปได้ด้วยดีเพราะว่าพวกเขาเป็นนักดนตรีรุ่นพี่ของฉัน. และสำหรับ We Got Married ฉันก็มีความสนุกกับรายการนี้เพราะว่าเมมเบอร์คนอื่น ปรากฏตัวในรายการบ่อยๆ และ พี่ฮยองดนก็ดูแลฉันดีด้วยค่ะ
คุณคิดว่า SNSD จะเป็นยังไงในช่วงอายุ 24-26
ยูริ : ในช่วงแรกพวกเราดูเหมือนเด็กนักเรียนม.ปลาย แต่ตอนนี้มีคนหลายๆคนเริ่มมองเราเป็นเด็กนักเรียนมหาลัยแล้วค่ะ. คุณจะพบว่าเราโตขึ้นเมื่อเราเปลี่ยนคอนเซ็ปต์ค่ะ.
เจสสิก้า : เมื่อคอนเซ็ปต์บนเวทีของเราเปลี่ยน มันจะแสดงลักษณะเฉพาะตัวของแต่ละคนออกมาค่ะ เช่น คนนี้ดูโตขึ้นนะ คนนี้น่ารักขึ้น นี่คือวิธีแสดงออกถึงความเปลี่ยนแปลงของพวกเราค่ะ. เมื่อเราถึงช่วงอายุนั้นเมื่อไหร่ ,พวกเราก็จะเปลี่ยนลุคให้มีความสอดคล้องตามไปด้วยค่ะ
พวกคุณอยากจะทำอะไรต่อไปในอนาคต
แทยอน : แต่งเพลงค่ะ, ถ้าฉันมีโอกาสล่ะก็ ฉันอยากจะนำเพลงของฉันลงในอัลบั้มของ SNSD ด้วยค่ะ
ยูริ : ถึงแม้ว่ามันอาจจะดูเหมือนความท้าทายที่ไม่น่าสนใจ แต่เพราะว่าฉันชอบถ่ายรูป ฉันอยากจะทำหนังสือรูปถ่ายเหมือนรุ่นพี่ Bae Duna ค่ะ
ฮโยยอน : ฉันคิดว่าฉันยังต้องเรียนเกี่ยวกับการร้องเพลงและการเต้นอยู่ค่ะ. ฉันจะฝึกร้องเพลงมากขึ้น และ นักร้องที่เต้นเซ็กซี่ได้เนี่ย ฉันว่าดูเท่มากเลยนะคะ แต่ตอนนี้ยังไม่ค่อยมีนักร้องเดี่ยวที่เต้นอย่างทรงพลังได้ใช่มั้ยคะ. ถ้าฉันจะเป็นแบบพี่โบอา ฉันจะต้องฝึกให้มากกว่านี้ค่ะ
ซอฮยอน : ฉันอยากจะแต่งเพลงค่ะ. ฉันเรียนคลาสสิกเปียโนแล้ว แต่ยังอยากจะเรียน แจ๊ซ เปียโนด้วยค่ะ. ฉันอยากจะเรียนให้มากที่สุดค่ะ จะได้ไม่เสียใจภายหลังค่ะ
เจสสิก้า : ฉันอยากจะเรียนเกี่ยวกับธุรกิจในวงการดนตรีค่ะ ฉันเตรียมตัวนิดๆเมื่อฉันมีโอกาสจะได้เรียนค่ะ. ฉันมีความสนใจอย่างมากในแฟชั่นด้วยค่ะ
ซันนี่ : ฉันอยากจะเรียนเกี่ยวกับดนตรีมากกว่านี้ค่ะ. ถ้าฉันยังทำงานในวงการนี้ต่อไป (พบปะกับผู้คนแล้วค่อยๆเรียนไปทีละนิดๆ)มันคงจะเยี่ยมไปเลยค่ะ. ฉันคิดว่ามันจะดีกว่าถ้าฉันแสดงความสามารถในด้านที่ฉันจะแสดงออกมาได้
ซูยอง : ของฉันคล้ายๆกับยูริค่ะ ฉันอยากจะเรียนเกี่ยวกับการถ่ายภาพค่ะ. ฉันชอบการเขียนเหมือนกันนะคะ ฉันเลยอยากจะทำหนังสือบันทึกการท่องเที่ยว
ยูริ : มันจะดีมาก ถ้าเราสามารถทำงานด้วยกันได้แทนที่จะเป็นคู่แข่งกัน
ซูยอง : ถ่ายรูปกันและกันไง
ยุนอา : ฉันอยากจะแสดงและร้องเพลงต่อไปค่ะ. ร้องเพลงสนุก ส่วนการแสดง ก็จะให้ความรู้สึกคิดถึงเมื่อละครจบไปแล้วค่ะ ฉันอยากจะเก็บความรู้สึกมีความสุขนี้ไว้เมื่อทำทั้งสองอย่างค่ะ
ทิฟฟานี่ : ฉันอยากจะร้องเพลงต่อไปค่ะ เมื่อฉันอายุมากขึ้น ฉันอยากจะเป็นนักร้องที่มีความหลงใหลในดนตรีและการแสดงบนเวทีอย่างไม่มีที่สิ้นสุด. ยังไงก็ตามฉันอยากจะร้องเพลงจนกว่าทุกอย่างจะจบลงค่ะ!
คำถามสุดท้าย สำหรับพวกคุณแล้ว SNSD คืออะไร
ยุนอา : ครอบครัวที่2ค่ะ
คนอื่นๆ : ใช่เลยค่ะ!!