Posts tagged snsd

[News] ยอดลูกค้าผู้หญิงของรถแบรนด์ Cadillac พุ่งขึ้น! หลังปล่อยคลิปโฆษณาของซูยอง (Sooyoung)


24 สิงหาคม แบรนด์ Cadillac ได้จัดงาน 'Cadillac House Seoul' เป็น grand opening ให้กับสตูดิโอรถโฉมใหม่

โดยในงานมีคนดังที่เป็นที่รู้จักอย่าง ซูยอง วง Girls' Generation, นักแสดง อีมินจอง, และอีกมากมายร่วมงานเปิดตัวนี้ โดยชั้นหลักของงานมีรถ Cadillac โฉมใหม่ล่าสุด รุ่น SUV XT5 โชว์อยู่ โดยซูยองได้ถ่ายโฆษณาให้กับรถรุ่นนี้ด้วย


ตัวแทนรถแบรนด์ Cadillac พูดถึงเหตุการณ์ที่จู่ๆยอดขายก็พุ่งขึ้นหลังปล่อยคลิปโฆษณาของซูยอง "ปกติแล้วลูกค้าส่วนใหญ่ของรถแบรนด์ Cadillac จะเป็นผู้ชาย แต่หลังจากได้ปล่อยคลิปโฆษณาที่ซูยองขับรถ XT5 สีขาว จู่ๆยอดขายรถจากลูกค้าที่เป็นผู้หญิงก็พุ่งขึ้นครับ ตอนนี้เรามียอดการจองรถแล้วกว่า 50 คัน"

นอกจากนั้นตัวแทนยังได้กล่าวถึงสาเหตุของการเลือกซูยองเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับรถรุ่นใหม่นี้ "จริงๆแล้ว รถแบรนด์ Cadillac จะให้ความรู้สึกถึงความเก่าและคลาสสิคจากสมัยก่อน อย่างไรก็ตาม ตัวรถ Cadillac รุ่นใหม่จะเปลี่ยนโฉม โดยรถและแบรนด์ของเราจะเริ่มทันสมัยขึ้นครับ และเมื่อคิดถึงจุดนี้แล้ว เราก็คิดว่าซูยองจะเป็นตัวเลือกที่ดีเลยสำหรับการถ่ายทอดความเป็นวัยรุ่น, กระปรี้กระเปร่า, และภาพลักษณ์ที่ดียิ่งขึ้น"





Source: allkpop
แปลไทย: Translator Gang ll soshifanclub ll http://www.soshifanclub.com
[/color]

[Trans] Girls’ Generation พูดถึงความเป็นไอค่อนของ K-Pop กว่าสิบปี, แฟนๆ, และอนาคต


"การที่เราสามารถอยู่กันมาได้ถึง 10 ปี เพราะว่าพวกนั้นกล้าหาญและแข็งแกร่งในทุกๆด้านค่ะ" - แทยอน

วง Girls' Generation ได้ก้าวเข้ามาสู่ด้านที่เจริญรุ่งเรืองและสว่างไสวของวงการเพลงเกาหลีตั้งแต่ปี 2007 แล้วด้วยเพลงที่ดังเป็นพลุแตกอย่างเพลง 'Gee' ในปี 2009 หลังจากนั้นพวกเธอก็เป็นที่ยอมรับกันว่าเป็นผู้นำหรือวงแนวหน้าของเกิร์ลกรุ้ปด้วยเพลงฮิตอีกหลายๆเพลงในเวลาต่อมา และเมื่อช่วงต้นเดือนนี้ พวกเธอเพิ่งได้ปล่อยอัลบั้มครบรอบ 10 ปี อย่าง 'Holiday Night' ที่หลังจากปล่อยก็ได้เดบิวต์ระดับต้นๆของชาร์ต Billboard World Album และนับเป็นครั้งที่ 3 ของพวกเธอ

เพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 10 ปี เหล่าสมาชิกทั้ง 8 คน ณ ปัจจุบันของ Girls' Generation จึงได้ใช้เวลาพูดคุยถึงสิ่งต่างๆของอาชีพของพวกเธอ

Billboard: พวกคุณถือว่าเป็นเกิร์ลกรุ้ประดับต้นๆของประเทศเกาหลีมาเกือบ 10 ปี ปีนี้ครบรอบ 10 ปีที่เดบิวต์แล้ว รู้สึกอย่างไรกันบ้าง?

แทยอน: ฉันรู้สึกภูมิใจและมองว่ามันมีความหมายมากๆค่ะที่เราสามารถมากันได้ไกลด้วยกันขนาดนี้

ซอฮยอน: ผ่านไปแล้ว 10 ปี แน่นอนว่าเป็นระยะเวลาที่ยาวนานพอควร แต่เพราะฉันมีสมาชิกที่อยู่เคียงข้างฉัน ฉันเลยสามารถผ่านช่วงเวลาที่ทั้งดีและไม่ดีเหล่านั้นมาได้ค่ะ พวกเราให้กำลังใจกันและเป็นขุมพลังให้กันและกัน ฉันเชื่อนะคะว่านี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เรามาได้ไกลกันขนาดนี้

ยุนอา: ฉันรู้สึกมีความสุขมากๆเลยค่ะที่เราเป็นวงของเรามาจนถึงทุกวันนี้ ขอบคุณทุกคนนะคะสำหรับความรักอันมากมาย

ซันนี่: ฉันไม่คิดมาก่อนเลยนะคะว่าเวลาจะผ่านเร็วขนาดนี้! ฉันรู้สึกดีใจและมีความสุขอย่างสุดๆเลยค่ะ

ฮโยยอน: ฉันรู้สึกภูมิใจสำหรับการที่พวกเราได้ฉลองครอบรอบ 10 ปี มากๆเลยค่ะ และรู้สึกขอบคุณสมาชิกในวงด้วย ฉันอยากจะขอบคุณโซวอนของพวกเราที่อยู่เคียงข้างกันมา!

ยูริ: ฉันอยากจะบอกว่า ฉันรู้สึกขอบคุณมากๆค่ะที่ได้ใช้ช่วงเวลาตอนเป็นวัยรุ่นที่เต็มไปด้วยความรักความพยายามไปกับสาวๆโซชิ พวกเธอคือเพื่อนชั่วชีวิตของฉันเลยก็ว่าได้ สามารถพูดแบบนี้ได้อย่างเต็มปากโดยไม่ผิดหวังเลย ฉันอยากจะขอบคุณและยินดีกับแฟนๆของเราด้วยนะคะ สำหรับการครบรอบ 10 ปีนี้ พวกเรานั้นสามารถเปล่งประกายออกมาได้ก็เพราะพวกคุณนะ

ทิฟฟานี่: ขอแสดงความยินดีกับทั้งสาวๆและแฟนๆสำหรับ 10 ปีของเราด้วยนะคะ ฉันคิดว่ามันเป็นสิ่งเหลือเชื่อที่แสนสวยมากและน่าตื่นเต้นที่เรามากันได้ไกลขนาดนี้ และฉันก็รู้สึกเป็นเกียรติมากๆค่ะ แล้วก็ฉันมีช่วงเวลาที่สนุกนะตอนที่เราฉลองงานมีตครบรอบด้วยกัน


Billboard: หากลองมองย้อนกลับไป เพลง 'Into the New World' ทั้งเพลงและมิวสิควิดีโอพูดถึงอนาคตของพวกคุณ แล้วคุณเคยคาดหวังอะไรเกี่ยวกับอนาคตหรือสิ่งที่จะอยู่ตรงหน้าคุณบ้างไหม?

ซอฮยอน: ฉันคิดว่าเรามักจะวาดภาพในหัวของเราเสมอนะคะว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร เมื่อไหร่ก็ตามที่เราได้มารวมตัวด้วยกันแล้ว เราจะคุยกันไม่หยุดเลยค่ะ เราจะคุยกันตั้งแต่เรื่องเล็กๆน้อยๆจนถึงเรื่องราวในอีก 10 หรือ 20 ปีข้างหน้า พวกเราพูดถึงความฝันของเรา งานแต่งงานที่เราวาดฝันไว้อะไรแบบนี้ค่ะ และเราก็ตกลงกันไว้แล้วค่ะว่าจะเป็นเพื่อนเจ้าสาวและนักร้องในงานแต่งสำหรับงานแต่งงานของพวกเราทุกคนเลย

ยูริ: ฉันว่า พวกเราคิดอยู่เสมอนะคะ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปีหรือนานแค่ไหน เราก็จะยังคงเป็น Girls' Generation แบบนี้ ฉันเชื่อนะคะว่าพวกเราจะยึดมั่นในใจและทำให้ดีที่สุดจากจุดที่เรายืนอยู่


Billboard: ความคิดและแนวทางต่างๆในแต่ละปีเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง?

ซอฮยอน: พวกเราเชื่อนะคะว่าระดับความมากน้อยที่เรามีส่วนร่วมในผลงานนั้นเพิ่มมากขึ้นในปีต่างๆ ตอนแรกๆเราจะพยายามเต็มที่เพื่อที่จะถ่ายทอดและทำผลงานให้ออกมาได้ดีกับคอนเซปที่เราได้รับมอบมา แต่เมื่อเวลาผ่านไป พวกเราเริ่มเข้าใจในแนวและสไตล์ของเพลง รวมไปถึงการถ่ายทอดความเป็นเราลงไปในเพลงและคอนเซปด้วย เพราะเหตุนี้เราเลยได้ใส่ความเห็นและพูดคุยกันมากขึ้นถึงแนวเพลงที่จะเข้ากับวงเราให้ได้มากที่สุด แล้วเรายังเขียนเพลงของพวกเราเองด้วยค่ะ

Billboard: ในทีเซอร์เพลง 'Holiday Night' สมาชิกบางคนได้ย้อนเวลากลับไปยังช่วงที่โดดเด่นตลอดการเป็นนักร้องของพวกคุณ

แทยอน: มันมีความทรงจำมากมายเต็มไปหมดเลยค่ะ เราสร้างความทรงจำมากมายตลอด 10 ปี และมีบางช่วงที่เรารู้สึกมีความสุขมากๆจากสิ่งเล็กๆน้อยๆ ต่อให้ฉันมองย้อนกลับไป ช่วงเวลาเหล่านั้นก็เป็นช่วงวลาที่มีความสุขสำหรับฉันค่ะ หากให้ฉันเลือกช่วงเวลาที่น่าจดจำแล้วหละก็ มันคงเป็นตอนที่แฟนๆของพวกเรารักอัลบั้มต่างๆของเราค่ะ นอกจากนั้นฉันก็ยังจำช่วงเวลาดีๆที่เราสร้างด้วยกันที่การทัวร์คอนเสิร์ตนะ

ซอฮยอน: ฉันไม่มีทางลืมความรู้สึกที่เราทำการแสดงครั้งแรกกับเวทีที่เราเดบิวต์ค่ะ ยากมากเลยนะคะถ้าจะให้เลือกแค่ความทรงจำอันใดอันหนึ่ง แต่ถ้าหากให้เลือกสักอันแล้วหละก็ ฉันคิดว่าฉันมีความสุขที่สุดในทุกช่วงเวลาตอนที่ได้อยู่บนเวทีกับสมาชิกในวงค่ะ

ยุนอา: ช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดคือตอนที่พวกเราจัดคอนเสิร์ตและตอนที่ชนะรางวัลใหญ่ๆค่ะ มันมีช่วงเวลาที่น่าจดจำมากมายนะคะ แต่สำหรับฉันคิดว่าช่วงเวลาที่น่าจำจดมากที่สุดคือตอนที่เราเดบิวต์ ตอนที่เราได้ไปถ่ายแบบด้วยกันที่ต่างประเทศก็ถือว่าเป็นความทรงจำที่ดีค่ะ

ซันนี่: ฉันยังจำช่วงเวลาที่เราบอกลาผู้ชมที่คอนเสิร์ตครั้งแรกของพวกเราได้ค่ะ ฉันจะไม่มีทางลืมความรู้สึกตอนนั้นเลย

ฮโยยอน: ช่วงเวลาที่มีความสุขและน่าจดจำที่สุดคือตอนที่ Girls' Generation ได้ไปเวิร์ลทัวร์ค่ะ ฉันรู้สึกมีความสุขมากๆที่ได้ไปพบปะแฟนๆทั่วโลกเลยและได้ร้องเพลงของพวกเรากับแฟนๆด้วย

ยูริ: ในฐานะสมาชิกวง Girls' Generation ฉันรู้สึกมีความสุขไปกับทุกวันและทุกช่วงเวลา ทั้งหมดนั้นคือสิ่งที่น่าจดจำสำหรับฉันค่ะ มีทั้งช่วงเวลาที่ดีและมีความสุขมากมายที่ได้สร้าง

ทิฟฟานี่: ช่วงเวลา 10 ปีนั้น เราได้สร้างเวลาที่ดีมากๆ มีความทรงจำและสิ่งต่างๆมากมายที่เราต้องขอบคุณแฟนๆของเรา แต่ถ้าหากต้องเลือกแล้ว คงต้องเป็นตอนที่เราเดบิวต์เมื่อปี 2007 ค่ะ และอีกอันคงเป็นความทรงจำที่เราได้ฉลองครบรอบ 10 ปี สำหรับฉันแล้ว ความทรงจำ 2 อย่างนี้เป็นสิ่งที่ฉันหวงแหนมากที่สุดเลยค่ะ

Billboard: ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา พวกคุณมีเพลงฮิตเยอะแยะมากมายเลย เพลงไหนบ้างที่ถือว่าเป็นเพลงโปรด?

ซูยอง: สำหรับฉันแล้วคงเป็นอัลบั้มแรก 'Into the New World' ค่ะ ช่วงนี้เราชอบฟังเพลงของอัลบั้มแรกๆอีกครั้งและมันก็ทำให้เรารู้สึกว่าเป็นอัลบั้มที่แสดงถึงตัวตนความเป็น Girls' Generation มากที่สุด และเป็นอัลบั้มโปรดของฉันด้วยค่ะ

แทยอน: ฉันชอบเพลง 'Party' นะคะ เป็นเพลงที่สดชื่น เป็นเพลงที่เราไม่ต้องคิดอะไรมาก แถมไม่เหนื่อยที่จะฟังด้วยค่ะ ฉันรู้สึกว่าเป็นเพลงที่ถือว่าเป็นตัวแทนของ Girls' Generation สุดๆเลยค่ะ

ซอฮยอน: อัลบั้มแรกของเราค่ะ 'Into the New World' ถือว่าเป็นอัลบั้มที่สามารถแสดงให้เห็นถึงความสดใสและร่าเริงของสมาชิกในช่วงเวลาเดบิวต์

ซันนี่: หากคิดย้อนกลับไป ฉันคิดว่าสไตล์, การเต้น, และคอนเซปโดยรวมที่เข้ากับเราที่สุด คือเพลง 'Oh!' ค่ะ แต่ถ้าพูดถึงอัลบั้มแล้ว ฉันคิดว่าฉันรักอัลบั้มเต็มชุดที่ 6 ที่เราได้ฉลองครบรอบ 10 ปีมากที่สุด



ฮโยยอน: ฉันคิดว่าฉันชอบเพลงและคอนเซปเพลง 'I Got A Boy' มากที่สุดค่ะ ฉันชอบคอนเซปที่เป็นเอกลักษณ์และมีพลังของท่าเต้นในเพลงนี้ มีช่วงที่สลับเปลี่ยนเพลงและจังหวะที่เปลี่ยน เลยทำให้เพลงนี้เป็นเพลงโปรดฉันเลยค่ะ

ยูริ: ฉันชอบทุกเพลงและคอนเซปทุกอัลบั้มของเราค่ะ แต่จากเพลงทั้งหลายแล้วฉันชอบ 'Genie' มากๆเลยค่ะ เพราะฉันจำได้ว่าเป็นคอนเซปเพลงที่พิเศษมากๆเลย แถมเพลงยังดีด้วย แต่ฉันก็รักเพลงเดบิวต์ เพลง 'Into the New World' ของเรานะคะ

ทิฟฟานี่: หากพูดถึงสไตล์ส่วนตัวแล้วมีหลายเพลงเลยค่ะที่ถือว่าเป็นเพลงโปรดของฉัน ฉันมองย้อนกลับไปถึงซับยูติแททิซอด้วย แททิซอถือว่าเป็นยูนิตที่ฉันได้ร่วมลงมือต่างๆอย่างมาก และฉันก็ยังคงภูมิใจมากๆๆถึงสิ่งที่พวกเราได้ร่วมลงมือทำลงไป ไม่ว่าจะเป็นภาพลักษณ์หรือเพลงต่างๆในช่วงเวลานั้นๆ แต่สำหรับ Girls' Generation แล้ว มาตรฐานมันค่อนข้างแตกต่างจากความชอบของฉันในตอนนี้ค่ะ แต่ถ้าให้มองทุกอย่างในภาพรวมแล้ว ฉันต้องบอกว่าเพลง 'Into the New World' ค่ะ เพราะเป็นเพลงที่แสดงให้เห็นถึงเรื่องราวของวงและข้อความต่างๆที่ต้องการจะสื่อค่ะ


Billboard: พูดอะไรถึงอัลบั้มและเพลงใหม่หน่อย?

ซูยอง: สำหรับอัลบั้มนี้แล้ว เราอยากโฟกัสถึงการถ่ายทอดสไตล์ที่แท้จริงของ Girls' Generation ค่ะ ตอนที่เราเลือกเพลงกัน เราไม่ได้ตัดสินโดยใช้ความรู้สึกที่อยากจะลองอะไรใหม่หรือคอนเซปที่ท้าทาย แต่เราเลือกเพลงที่สามารถมอบสิ่งที่ดีที่สุดและการแสดงดีๆให้กับแฟนๆค่ะ นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าเพลงในอัลบั้มใหม่ของเรามันมีความหมายและเต็มไปด้วยคำพูดความรู้สึกขอบคุณของพวกเรา การซาบซึ้งถึงความรักและสนับสนุนของแฟนๆที่มีให้เราตลอด 10 ปี แล้วก็สำหรับเพลงไตเติ้ลของพวกเรา ถือว่าเป็นเพลงที่สามารถอธิบายความเป็น Girls' Generation ออกมาผ่านบทเพลงและแสดงให้เห็นถึงพลังของเราที่แฟนๆหวังอยากจะเห็นค่ะ

แทยอน: เพราะนี่เป็นการฉลองครบรอบ 10 ปีของเรา เราจึงอยากโชว์มากกว่าคอนเซปเดียวค่ะ นั่นคือสาเหตุที่เราเลือกที่จะมีเพลงไตเติ้ล 2 เพลงในอัลบั้มนี้และถ่ายมิวสิควิดิโอทั้ง 2 เพลงเลย ฉันคิดว่าฉันนึกถึงแฟนๆของพวกเราเป็นอย่างมากเลยนะคะกับการทำอัลบั้มนี้ ฉันเลยคิดอยู่เสมอนะคะว่าแฟนๆจะคิดยังไงกับเพลงของเรา ฉันหวังเป็นอย่างยิ่งเลยค่ะว่าทุกคนจะรักเพลงของเรา

ซอฮยอน: เรามีเพลงไตเติ้ล 2 เพลงสำหรับอัลบั้มของเราค่ะ และได้แสดงคอนเซปที่แตกต่างกันออกไปในเพลงไตเติ้ลแต่ละเพลง อย่าง 'Holiday' คือการได้ฉลองครบรอบ 10 ปี แสดงให้เห็นถึงพลังที่สดชื่นกระปรี้กระเปร่าและสนุกสนานของเรา ส่วน 'All Night' คือเพลงที่ชวนฝันและน่าตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน เพลงไตเติ้ลจะทำให้เห็นถึงมุมใหม่ๆของ Girls' Generation และจะทำให้พวกคุณเต้นไปกับเราค่ะ

ซันนี่: ตอนอัดเพลงสำหรับอัลบั้มใหม่นี้ ฉันอัดเพลงแต่ละเพลงไปกับความคิดที่ฉันกับสาวๆได้เล่าเรื่องราวที่แฟนๆอยากฟังค่ะ ฉันรู้สึกว่าอัลบั้มนี้เต็มไปด้วยเพลงที่แสดงถึงตัวตรของเรามากที่สุดค่ะ

ฮโยยอน: เพลงใหม่ของพวกเราจะทำให้คุณนึกถึงเพลง 'Into the New World' และ 'Party' ในทันทีเลยค่ะ เพลงที่เต็มไปด้วยพลังและทำให้คุณพูดออกมาว่า "นี่คือเพลงของ Girls' Generation นี่!" หวังว่าพวกคุณจะรักและฟังเพลงของพวกเรามากๆนะคะ

ยูริ: อัลบั้มใหม่ของพวกเราจะเหมาะ/ออกแนวปาร์ตี้ค่ะ ทุกอย่างระยิบระยับไปหมด อย่าลืมติดตามนะคะ!


Billboard: สำหรับสมาชิกคนที่ร่วมแต่งเพลงหรือทำเพลงในอัลบั้ม Holiday Night รู้สึกอย่างไรตอนแต่งเพลงเหล่านี้อยู่ โดยเฉพาะเพลงไตเติ้ล?

ซอฮยอน (ร่วมแต่งเพลง 'Holiday' และ 'Sweet Talk'): ตอนที่ฉันกำลังเขียนเนื้อเพลงสำหรับเพลงไตเติ้ลนั้น ฉันเน้นถึงสิ่งที่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมดของเพลงค่ะ ฉันฟังเพลงนี้หลายครั้งมากๆและเลือกธีมที่จะเขียนเรื่องราวของฉันลงไป แรงบันดาลใจในแต่ละเรื่องราวของการแต่งเพลงของฉันจะมาจากประสบการณ์และจินตนาการมากกว่าแรงบันดาลใจที่อื่นใด ฉันรู้สึกว่าคนฟังจะสามารถเชื่อมโยงเข้าถึงฉันได้มากที่สุดผ่านเนื้อเพลงที่มาจากเรื่องราวของฉันแทนที่จะมาจากคนอื่นค่ะ ฉันได้ค้นพบด้วยค่ะว่าสิ่งสำคัญคือการที่เนื้อเพลงจะต้องออกมาเป็นธรรมชาติเข้าหูโดยเฉพาะตอนร้อง โดยเฉพาะท่อนเสียงสูงค่ะ ฉันถึงกับร้องตามตอนแต่งเพลงเพื่อให้แน่ใจว่าคำแต่ละคำออกมาดูเป็นธรรมชาติให้ได้มากที่สุด

ยูริ: สำหรับอัลบั้มนี้ ฉันได้เขียนเนื้อเพลง 'It's You (오랜 소원)' ค่ะ โดยเป็นเพลงที่เขียนถึงแฟนๆของพวกเราที่ได้อยู่กับพวกเรามาหลายปี ถือเป็นเพลงที่ฉันหวงแหนมากๆเลย และการได้ร่วมแต่งเพลงนี้ถือเป็นสิ่งพิเศษสำหรับฉันค่ะ มันเป็นช่วงเวลาเมื่อ 3 ปีก่อนค่ะที่ฉันได้รับจดหมายจากแฟนคนนึงที่คำพูดของเขาในจดหมายนั้นทำให้ฉันซึ้งใจมากๆ ฉันนำคำพูดที่จับใจของฉันในจดหมายนั้นมาเขียนลงบนบันทึกของเนื้อเพลง และฉันได้แต่งเนื้อเพลงของเพลงนี้โดยเหมือนกับการที่ฉันได้เขียนตอบจดหมายนั้นและถ่ายทอดมันออกมาเหมือนการได้พูดคุยกับแฟนๆอยู่ค่ะ ปกติฉันมักจะจดบันทึกถึงความรู้สึกตอนได้อ่านบทกลอนหรือนิยายนะ หรือตอนที่รู้สึกอย่างไรในช่วงเวลานั้นๆทำให้เชื่อมโยงไปถึงการแต่งเพลงและเพื่อให้แน่ใจว่าเนื้อเพลงนั้นเข้ากับเพลงและอารมณ์ของเพลงค่ะ

Billboard: วงไอดอลผู้ชายมากมายที่อยู่ได้มาถึง 10 ปี แต่พวกคุณเป็นเกิร์ลกรุ้ปแค่ไม่กี่วงที่สามารถอยู่มาได้ถึง 10 ปี แถมยังฟอร์มดีไม่มีตก พวกคุณคิดว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้อยู่มาได้ถึงจุดนี้?

แทยอน: เราเคารพกัน เข้าใจกันและกันอย่างมาก ฉันเชื่อค่ะว่าการที่เราอยู่ด้วยกันมาได้ถึง 10 ปี เพราะทั้งกล้าหาญและเข้มแข็งในแต่ละด้าน เราเติบโตขึ้นมาด้วยกัน และอยู่ทีมเดียวกันไม่ว่าจะยังไงก็ตาม

ซอฮยอน: เราพูดคุยกันเยอะค่ะ แต่ละคนก็ต่างกันออกไป เราพยายามและใส่ใจเพื่อที่จะเข้าใจกันและกัน เพื่อมั่นใจว่าเราได้ฟังความเห็นของทุกคนแล้ว

ยุนอา: ฉันคิดว่าการเข้าใจซึ่งกันและกันเป็นอะไรที่สำคัญมากค่ะ ฉันเชื่อว่าการที่เรามาได้ไกลขนาดนี้ เพราะเราเคารพและเข้าใจกันมาตลอดในช่วงเวลาที่ผ่านมา

ซันนี่: การใส่ใจกันคือใจความสำคัญค่ะ ฉันมักจะเตือนใจตัวเองไม่ให้ลืมใส่ใจสมาชิกในวง และสาวๆในวงเองก็ไม่ลืมที่จะใส่ใจฉันค่ะ เมื่อไหร่ที่ฉันรู้สึกได้ว่าพวกเขาเข้าใจฉัน ฉันจะรู้สึกขอบคุณเสมอค่ะ ฉันคิดว่านั่นคือสาเหตุที่เราผูกพันกัน และมาได้ไกลขนาดนี้ด้วยกันค่ะ

ฮโยยอน: ที่เราสามารถมาไกลด้วยกันได้ถึง 10 ปีเพราะเราเข้าใจกันและกันค่ะ เราพยายามที่จะเข้าใจกันและใส่ใจกัน ฉันคิดว่าที่โซนยอชิแดมาถึงจุดนี้ได้เพราะสิ่งที่เราทำสำเร็จมาด้วยกัน และเดินจับมือกันก้าวไปสู่เส้นชัยค่ะ

ยูริ: ในฐานะสมาชิกวงโซนยอชิแด ฉันคิดว่าเราทำดีที่สุดที่จะเข้าใจกันและกัน ทำให้เราเชื่อใจกันค่ะ เป็นเพราะความรักและความสนับสนุนของสมาชิก และ 'โซวอน' ที่ทำให้เราสามารถอยู่เคียงข้างกันมาได้ถึง 10 ปีค่ะ

ทิฟฟานี่: ฉันรู้สึกภูมิใจมากๆค่ะสำหรับ 10 ปี มันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่สาวๆในวงแสดงถึงความเสียสละ, อุทิศตน, และความรับผิดชอบ อย่างไรก็ตาม แน่นอนว่าความรักคือสาเหตุที่เราแข็งแกร่งค่ะ เราอยูาด้วยกันมานานพอที่จะรู้ใจและสนับสนุนกันและกัน ฉันคิดว่านี่คือเหตุผลที่เรามากันได้ไกลขนาดนี้ค่ะ



Source: Billboard
แปลไทย: Translator Gang ll soshifanclub ll http://www.soshifanclub.com
[/color]

[News] SM เผย ‘Girls’ Generation’ กำลังอยู่ในช่วงต่อสัญญากับบริษัท



หลังจากที่สาว ๆ วง Girls' Generation ฉลองครบรอบ 10 ปี ที่ก่อตั้งวงไปได้ไม่นาน ได้มีการเปิดเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ว่าในขณะนี้ สมาชิกของวง Girls' Generation กำลังอยู่ในช่วงการต่อสัญญากับทางบริษัท SM Entertainment ซึ่งเป็นบริษัทต้นสังกัดอยู่ หลังจากที่สัญญาฉบับเดิมได้สิ้นสุดไปได้ไม่นาน

โดยทางบริษัท SM Entertainment ได้ออกมายืนยันรายงานดังกล่าวแล้วว่าเป็นเรื่องจริง และได้ชี้แจงว่า "ในขณะนี้ บริษัทกำลังเจรจาต่อสัญญากับทาง Girls' Generation อยู่จริง ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่ได้ทำการต่อสัญญาไปแล้ว ในขณะที่สมาชิกที่เหลือกำลังอยู่ในระหว่างการเจราจา"

นับตั้งแต่ที่เดบิวท์ไปเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2550 ด้วยเพลง 'Into the New World' เป็นต้นมา Girls' Generation ก็มีผลงานฮิตติดหูออกมามากมาย อาทิ 'Gee' 'Genie' 'I Got A Boy' และ 'Oh!' ทำให้พวกเธอกลายเป็นเกิร์ลกรุ๊ปที่ถือว่าเป็นหน้าตาของเกาหลีมากที่สุดวงหนึ่ง โดยพวกเธอเพิ่งได้เปิดตัวอัลบั้มที่ 6 ไปในชื่อว่า 'Holiday Night' เพื่อเป็นการฉลองครบ 10 ปีของการก่อตั้งวง Girls' Generation

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวในวงการเชื่อว่า การเจรจาต่อสัญญาจะดำเนินไปได้ด้วยดี เนื่องจาก Girls' Generation ได้แสดงออกมาให้เห็นถึงความรักในการเป็น Girls' Generation และความภูมิใจที่อยู่ด้วยกันมากว่า 10 ปีอย่างต่อเนื่อง

Source: soompi
แปลไทย: Translator Gang ll soshifanclub ll http://www.soshifanclub.com

[News] เอสเค-ทู จับมือ เบฮาติ ซูยอง และหลี่ซิ่น สามเซเลบริตี้ระดับโลก

เอสเค-ทู จับมือ เบฮาติ ซูยอง และหลี่ซิ่น สามเซเลบริตี้ระดับโลก
ร่วมด้วย ปลื้มจิตร์ เฟย์ และ ป๊อปปี้
บันทึกการเดินทางสู่ผิวสวยเพื่อช่วงเวลาแห่งความเจิดจรัส

@skii #OneBottleAwayFrom #ขวดเดียวพลิกโฉม

เอสเค-ทู ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวชั้นสูง ประกาศร่วมงานครั้งสำคัญกับสามสาวเซเลบริตี้ระดับโลก เบฮาติ พรินส์ลู เลอวีน (Behati Prinsloo Levine) ชเว ซูยอง (Choi Soo Young) และหลี่ซิ่น (Li Qin) ร่วมด้วยเซเลบริตี้ชาวไทย

[Trans] บทความ Girls’ Generation ครบรอบ 10 ปี “ทำไมถึงมีเพียง ‘โซชิ’ ที่อยู่รอดมาได้”



[Girls' Generation ครบรอบ 10 ปี] สมาชิกทั้ง 8 คน ... ทำไมถึงมีเพียง 'โซชิ' ที่อยู่รอดมาได้

"บนถนนเส้นที่ Girls' Generation เดิน จะกลายเป็นประวัติศาสตร์ของวงเกิร์ลกรุ้ปเกาหลี"

Girls' Generation จะฉลองครบรอบ 10 ปีของวง ในวันที่ 5 สิงหาคมนี้ พวกเธอเป็นวงเกิร์ลกรุ้ปที่โปรโมทและอยู่มาได้นานที่สุดในประเทศ Girls' Generation ได้ถูกขนานนามว่าเป็นวงเกิร์ลกรุ้ประดับต้นของประเทศ แถมยังได้ถูกลิสต์ให้เป็นวงเกิร์ลกรุ้ปอันดับ 1 ใน 10 อันดับวงเกิร์ลกรุ้ปเกาหลีในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาของ Billboard อีกด้วย

ทั้งนี้ ยุคที่ 2 ของวงที่เดบิวต์ในปี 2007 ได้ถูกแบ่งออกมาเป็น 3 ส่วน คือ Wonder Girls ตามมาด้วย KARA พร้อมทั้ง Girls' Generation แต่มีเพียง Girls' Generation ที่ยังคงอยู่รอดมาถึงทุกวันนี้

วง Girls' Generation ได้ถูกฟอร์มวงขึ้นมาอย่างไม่ชัดเจนจาก SM Entertainment ค่ายเพลงที่ได้ค้นพบวงไอดอลที่เป็นตัวแทนของยุคแรก อย่าง วง H.O.T. ที่ถือว่าเป็นประวัตศาสตร์ของไอดอลเลยก็ว่าได้หากมองย้อนกลับไป 20 ปีก่อน เมื่อตอนที่ H.O.T เดบิวต์ในปี 1996 และหลังจากนั้น Girls' Generation จึงได้มารับช่วงต่อ

ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านได้เห็นพ้องต้องกันว่า Girls' Generation ถือว่าเป็นวงที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนมานานมากแล้ว

คุณคิมยุนฮา นักวิจารย์เพลงป๊อบ กล่าว "Girls' Generation ถือว่าเป็นวงเคป๊อบที่หาได้ยาก เพราะปกติแล้ววงเกิร์ลกรุ้ปจะมีอายุวงอยู่ได้ไม่นาน โดยสัญญากับค่ายนั้นมักจะอยู่ที่มากสุด 7 ปี การที่พวกเธออยู่มาได้ถึง 10 ปี ถือว่าเป็นเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์อย่างนึงเลยก็ว่าได้"

คุณมุนยองคิม หัวหน้าบรรณาธิการนิตยสารไอดอล 'Idology' และนักวิจารย์เพลงป๊อบ กล่าว "แทบไม่มีวงเกิร์ลกรุ้ปที่ได้ฉลองการครบรอบ 10 ปีของวงเลยก็ว่าได้ การที่พวกเธอสามารถได้ใช้ชื่อและความเป็น 'หญิงสาว' มาจนถึงปลายๆของวัย 20 ได้เนี่ย มันเป็นอะไรที่มีความหมายมากๆ"

- ทำไมถึงมีเพียง Girls' Generation ที่อยู่รอดมาได้

เมื่อพูดถึง Girls' Generation แล้ว SM Entertainment สามารถกล่าวได้อย่างมั่นใจ "พวกเธอคือวงแรกของประเทศที่ประสบความสำเร็จในฐานะวงเกิร์ลกรุ้ป ร่วมด้วยแผนการทั้งหมดของ SM ที่ทั้งวางแผนจากการคัดเลือก-ฝึกซ้อม-ผลิต-บริหาร

กว่าที่เหล่าสมาชิกจะสามารถ ทั้งร้องเพลง, เต้น, แสดง, และมีความสามารถด้านภาษาต่างๆแล้วนั้น พวกเธอได้รับการฝึกสอนมากมาย ทั้งนี้พวกเธอบางคนได้รับการเทรนด์มานาวนานถึง 7 ปี และมีค่าเฉลี่ยการเทรนด์ในวงอยู่ที่ 5 ปี พวกเราได้ใส่ใจและจิตวิญญานลงไปในขั้นตอนต่างๆกว่าจะฟอร์มสมาชิกออกมาได้"

ผู้เชี่ยวชาญต่างๆยังเห็นพ้องด้วยกับสิ่งเหล่านี้ คุณคิมยุนฮาที่เป็นนักวิจารย์ได้เผยว่า "บริษัท SM ที่ถือว่าเป็นค่ายเพลงใหญ่ของเกาหลีนั้น ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการที่ Girls' Generation ได้ฉลองครบรอบ 10 ปี พวกเขาได้ดูแลและจัดการมาอย่างดีตลอด "

ฝ่ายผลิตของ SM นั้นทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเพลงเดบิวต์ของ Girls' Generation อย่าง เพลง 'Into the New World' ที่ถูกปล่อยในวันที่ 5 สิงหาคม 2007 นั้นถูกประเมินว่าเป็นภาพลักษณ์ในเรื่องของทั้งดนตรี, การแสดง, และหน้าตาของวงเกิร์ลกรุ้ปต่อาสาธรณะชนก็ว่าได้

อัลบั้ม official อย่าง 'Girls' Generation' ที่ปล่อยออกมาในเดือนพฤษจิกายนก็เช่นกัน เป็นการย้ำซ้ำเพลงฮิตของอีซองชุลจากปี 1989 โดยเพลงนี้เป็นชื่อเดียวกับชื่อวง 'Girls' Generation' (โซนยอชิแด) และสิ่งนี้ถือว่าเป็นแผนการที่ปราดเปรื่องมากๆ

คุณมุนยองมิน นักวิจารย์กล่าว "ความจริงที่ว่าวงไอดอลเกิร์ลกรุ้ปสามารถดำรงนาม 'หญิงสาว' และอยู่มาจนฉลองครบรอบ 10 ปีได้นั้นมีความหมายมากๆ แต่ละสิ่งและทุกสิ่งที่ Girls' Generation ได้โปรโมทจากนี้ต่อไปจะกลายเป็นประวัติศาสตร์ของวงการเกิร์ลกรุ้ปเกาหลี"

สิ่งนึงที่เป็นจุดต่างระหว่างวงเกิร์ลกรุ้ปยุคที่ 2 และวงเกิร์ลกรุ้ปยุคที่ 1 อย่าง S.E.S และ Fin.K.L คือการเติบโตของ Hallyu (หรือ Korean Wave)

Girls' Generation ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น ด้วยภาพลักษณ์ 'alpha girl' ไม่ใช่เพียงหน้าตาและความสามารถด้านการร้องและเต้นของพวกเธอที่เอาชนะใจ แต่เป็นความมั่นใจและความกระตือรีอร้นของพวกเธอ

คุณมุนยองมิน นักวิจารย์ ได้เลือกเพลงไตเติ้ลจากมินิอัลบั้มชุดที่ 4 อย่่างเพลง 'Mr. Mr.' ที่ปล่อยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2014 ให้เป็นเพลงที่สามารถรวบรวมภาพลักษณ์ไว้ได้ครบรสมากที่สุด เพลงนี้เป็นเพลงที่พูดถึงหญิงสาวที่มีความรัก แต่เพลงออกมาในรูปแบบของผู้หญิงที่มีหน่วยก้านที่มั่นคงกว่าชายหนุ่ม

นักวิจารย์มุนกล่าว "หากคุณได้เปรียบเทียบ Girls' Generation กับวงเกิร์ลกรุ้ปอื่นๆที่ได้เดบิวต์ในช่วงเวลาเดียวกัน พวกเธอมีภาพลักษณ์ที่แข็งแรง, มีความทะเยอทะยาน, เป็นนักศึกษาสาวที่สามารถเติบโตมาได้อย่างคล่อง เพลง 'Mr.Mr.' เหมือนจะเป็นเพลงที่ชื่นชมและให้กำลังใจเหล่าชายหนุ่ม แต่จริงๆแล้วเพลงนี้คือเพลงที่กำลังบอกชายหนุ่มให้ผันแปรตัวเองมาให้เหมาะสมกับหญิงสาวต่างหาก"

พวกเธอไม่ได้เพียงทำให้เห็นถึงการแสดงของพวกเธอ แต่พวกเธอใส่จิตวิญญานลงไปในเพลงด้วยเช่นกัน อย่างเพลง 'I Got A Boy' จากอัลบั้มชุดที่ 4 ของพวกเธอ ปล่อยเมื่อเดือนมกราคม ปี 2013 ถือว่าเป็นเพลงที่ซับซ้อนและเป็นเพลงที่มีความริเริ่มการทำอะไรใหม่ๆอย่างมากในตอนนั้น

คุณอีแดฮวา นักวิจารย์เพลงป๊อบกล่าว "การที่พวกเธอสามารถดำรงการเป็นวงระดับต้นๆของวงการมาได้ถึง 10 ปีด้วยเพลงเต้นนั้นถือว่าเป็นอะไรที่สุดยอดมากๆ เพราะเทรนด์ของเพลงนั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว พวกเธอไม่ได้ยอดเยี่ยมในทุกครั้ง หากแต่ตัวเพลงของพวกเธอนั้นออกมาดีตลอดและคอนเซปก็ดี ช่วงปลายปี 2000 นั้นวงเกิร์ลกรุ้ปเริ่มได้รับความนิยม และลากยาวมาจนถึงตอนนี้เป็นเวลานาน"

แน่นอนว่าช่วงเวลาที่น่าเป็นห่วง อย่างปี 2014 ที่เจสสิก้าได้ออกจากวงไป ภาพลักษณ์ของวงพวกเธอ จากหญิงสาว 9 คน เหลือเพียง 8 อย่างไรก็ตาม เพราะว่า "เหล่าสมาชิกมีจิตวิญญานและความต้องการที่จะประคองวงไว้" พวกเธอจึงสามารถรับมือและจัดการกับสิ่งต่างๆได้อย่างดี

ในบทสัมภาษณ์นิตยสาร W Korea ที่ Girls' Generation ได้ขึ้นปกฉบับเดือนสิงหาคม ซันนี่ได้กล่าวไว้ว่า "ทุกคนต่างก็พบกับจุดที่ยากลำบากเหมือนตอนเป็นวัยรุ่นค่ะ และเมื่อวงเราได้พบกับสิ่งยากลำบากด้วยกัน ฉันคิดว่าสิ่งที่ช่วยเหลือเรามากที่สุดคือกันและกันค่ะ"

- การเติบโตของสมาชิกทั้ง 8 คน

Girls' Generation ได้เป็นวงเกิร์ลกรุ้ปที่อยู่มาได้เป็นเวลานานอย่างเป็นวงพร้อมกับการที่สมาชิกในวงต่างเติบโตและพัฒนา พวกเธอแต่ละคนสามารถต่อยอดและก้าวเดินไปในด้านที่พวกเธอถนัด พวกเธอแต่ละคนจึงได้รับการยอมรับอย่างมาก

ด้วยความสามารถในด้านการร้องเพลงอย่างเกรียงไกร นักร้องเสียงหลักของวง อย่างแทยอน จึงได้ออกอัลบั้มเดี่ยวของเธอและยังได้ร้องเพลงประกอบซีรีย์ต่างๆมากมาย ทำให้ตัวแทยอนเองเป็นนักร้องที่แข็งแกร่งคนนึง ซันนี่เองก็ได้แสดงความสามารถด้านวาไรตี้ด้วยเสน่ห์ที่สดใสของเธอ

ทิฟฟานี่ ตายิ้มถือว่าเป็นเสน่ห์อย่างนึงของเธอ เธอได้ใช้ความสามารถด้านภาษาและเซนส์เพลงที่กว้างขวาง ฮโยยอนนั้นมีความสามารถในการเต้นอย่างยิ่งและใจที่กล้าหาญ ด้วยภาพลักษณ์ที่ใสซื่อและสดใสของยูริเองก็เป็นเสน่ห์ดึงดูดต่อทั้งผู้ชานและผู้หญิง

ซูยองที่มีเซนส์ที่ดีและความเป็นแฟชั่นนิสต้า ยุนอาที่สวยหมดจดจนได้รับขนานนามว่าเป็นมาตรฐานตำแหน่งเซ็นเตอร์ของวงเกิร์ลกรุ้ป เธอได้แสดงซีรีย์อย่าง 'The King Loves' ส่วนน้องเล็กสุดของวง ซอฮยอนได้รับการยอมรับทั้งด้านการร้องเพลงและการแสดงผ่านมิวสิคัล 'Gone With the Wind' และ 'Mamma Mia!'

Girls' Generation ยังได้ลองทดลองสิ่งต่างๆอีกบางสิ่ง ด้วยการฟอร์มซับยูนิตแททิซอ ที่มาพร้อมกับเสียงของ แทยอน, ทิฟฟานี่, และซอฮยอน เป็นการทำเพลงที่ถือว่าฉีกแนวออกไปจากการทำเพลงของ Girls' Generation

SM กล่าว "ในเวลาที่สมาชิกทำกิจกรรมต่างๆ ทั้งแบบวงและแบบเดี่ยว ภาพลักษณ์ของพวกเธอออกมาชัดเจน และ Girls' Generation เองก็ดึงดูดมีความสามารถหลายด้าน พวกเธอจึงสามารถรับหน้าที่และเป็น Girls' Generation ได้ต่อไปอีกเป็นเวลานาน"

SM ได้กล่าวว่าพวกเขาคอยเฝ้ามองพวกเธออย่างระมัดระวังระหว่างที่พวกเธอทั้งร้องเพลง, เต้น, แสดง, และฝึกภาษาต่างๆก่อนที่จะได้เดบิวต์

"พวกเราได้เลือกสิ่งต่างๆที่สมาชิกแต่ละคนถนัดหรือเก่งในด้านนั้นๆระหว่างอยู่ในขั้นตอน การเจาะจงสมาชิกที่เด่นในด้านการร้องอย่างยูนิตแททิซอก็สามารถโปรโมทและประสบความสำเร็จ เมื่อตอนที่สมาชิกได้ปล่อยอัลบั้มเดี่ยว เราได้นำสไตล์เสียง, ความสามารถด้านการแสดง, และภาพลักษณ์ของสมาชิกแต่ละคนมาประมวลด้วย

สำหรับสมาชิกคนไหนที่เด่นเรื่องการแสดง เราจะให้พวกเขาเสริมความสามารถในด้านั้นด้วยประสบการณ์ด้านการแสดงผ่านคลาสต่างๆตั้งแต่สมัยเดบิวต์ ทั้งนี้เราจะยังคงเผยให้เห็นถึงภาพลักษณ์ของสมาชิกแต่ละคนในด้านที่พวกเธอถนัดผ่านมิวสิคัล, รายการวาไรตี้, และสิ่งต่างๆต่อไป"

นักวิจารย์คิมยุนฮา กล่าว "สมาชิกแต่ละคนมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองและสามารถถ่ายทอดมันออกมาได้อย่างดี นี่แหละคือสิ่งที่ยืนยันทั้งการทำงานแบบเดี่ยวและวงตลอด 10 ปีที่ผ่านมา"

Source: @ch0sshi
แปลไทย: Translator Gang ll soshifanclub ll http://www.soshifanclub.com
[/color]

[Greeting] กระทู้อวยพรวันเกิด “ฮวัง ทิฟฟานี่” 1 สิงหาคม 2560


สุขสันต์วันเกิดนะคะฟานี่ ขอให้มีความสุขมากๆ มีแต่สิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิตนะคะ><
เป็นคนที่เต็มไปด้วยพลังและความสุขแบบนี้ตลอดไปนะคะ ขอให้สิ่งแย่ๆ หมดไปเสียทีนะคะ มีแต่ความสุขความเจริญนะคะ g (21).gif


tk (1).gif Happy Birthday Tiffany tk (1).gif

[News] Girls’ Generation เตรียมฉลอง ‘Holiday’ แบบ ‘All Night’ ขึ้นเวทีคัมแบ็ครายการแรก 10 ส.ค. นี้!


Girls' Generation พร้อมขึ้นเวทีโปรโมทคัมแบ็คครั้งแรกในรายการ 10 ส.ค. นี้ รายการ M! Countdown

หลังจากสาวๆ Girls' Generation ได้เริ่มปล่อยรูปทีเซอร์ตั้งแต่เที่ยงคืนของวันที่ 27 ก.ค. เป็นของขวัญและเป็นการให้เหล่าโซวอนได้เตรียมตัวกับอัลบั้มใหม่ล่าสุดของพวกเธอย่าง 'Holiday Night' ตอนนี้ทีเซอร์ถูกปล่อยมาแล้วทั้งหมด 5 คน คือ ยุนอา, ทิฟฟานี่, ยูริ, ฮโยยอน, และซูยอง โดยเหลืออีก 3 คน คือ ซอฮยอน, แทยอน, และซันนี่

สาวๆ Girls' Generation จะปล่อยเพลงไตเติ้ลทั้งสองเพลง 'All Night' และ 'Holiday' ออกมาก่อนในวันที่ 4 ส.ค. เวลา 6 โมงเย็นเกาหลี และจะแสดงเพลงไตเติ้ลทั้งสองเพลงครั้งแรกในงานแฟนมีตติ้งครบรอบ 10 ปี วันที่ 5 ส.ค. ส่วนตัวอัลบั้มจะวางแผงวันที่ 7 ส.ค. ทั้งนี้สาวๆจะขึ้นเวทีคัมแบ็คพร้อมแสดงเพลง 'All Night' และ 'Holiday' ครั้งแรกอย่างเป็นทางการในวันที่ 10 ส.ค. ในรายการ 'M!Countdown'

Source: soompi
แปลไทย: Translator Gang ll soshifanclub ll http://www.soshifanclub.com

[News] Girls’ Generation (SNSD) ประกาศคัมแบ็ค! อัลบั้มเต็มชุดที่ 6 ‘Holiday Night’ วางแผง 7 สิงหาคมนี้



หลังจากการคาดหมายและรอคอยต่างๆ ในที่สุด Girls' Generation ได้ประกาศการคัมแบ็คอัลบั้มล่าสุด ซึ่งสาวๆ จะปล่อยอัลบั้มเต็มชุดที่ 6 'Holiday Night' ในวันที่ 7 ส.ค. มีทั้งหมด 10 เพลง

โดย 10 เพลงในอัลบั้มนั้น จะมีเพลงไตเติ้ล 2 เพลง คือเพลง 'All Night' และ 'Holiday' ซึ่งเป็นที่มาของชื่ออัลบั้ม 'Holiday Night' นั่นเอง

ส่วนภาพทีเซอร์ได้ถูกปล่อยออกมาในวันนี้เป็นภาพของยุนอา และเหมือนว่าภาพทีเซอร์ของสาวๆ คนอื่นจะถูกปล่อยตามๆ กันมาในเร็วๆ นี้

นอกจากนี้ในเว็บหลักยังเผยตัวอย่างเพลง Only One ที่มาในจังหวะ Pop R&B อีกด้วย

Source: moorok
แปลไทย: Translator Gang ll soshifanclub ll http://www.soshifanclub.com


[Trans] บทสัมภาษณ์ ‘โซนยอชิแด’ ในนิตยสาร W Korea ฉบับเดือนสิงหาคม



"10 ปี แห่งความทรงจำ"


ยุคที่แตกต่างออกมา 10 ปีที่ Girls' Generation ได้สั่นคลอนโลกทั้งใบ พวกเธอที่ได้เปลี่ยนมาตรฐาน, เขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่, รวมไปถึงอนาคต





ยุนอา


W KOREA: ซีรีย์ จะออกอากาศเร็วๆนี้ แม้ว่าซีรีย์จะอัดล่วงหน้าและถ่ายจบไปแล้ว คุณยังคงได้ไปพบปะกับเหล่านักแสดงที่ร่วมงานกัน
ยุนอา: การไปถ่ายซีรีย์ผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ เราบอกกันและกันว่ารู้สึกเหมือนไปมหาวิทยาลัยเลย ตอนเขียนบท คนเขียนได้ใส่บุคลิกของฉันลงไปใาตัวละครด้วย พอถึงเวลาถ่ายทำจริงๆ พวกเขาแค่ให้เราไปแสดงอย่างที่เราเป็นเรา ไม่ได้บังคับหรือเจาะจงอะไรมากไป คุณจะได้เห็นฉันได้ภาพลักษณ์ที่เป็นธรรมชาติเลยค่ะ

W KOREA: จากเมมเบอร์ในวงทั้งหมด คุณเป็นคนที่รับงานด้านการแสดงเยอะที่สุด ฉะนั้นน่าจะมีคนอคติจากการที่ไอดอลหันมารับงานแสดงบ้าง คุณเคยเจอเหตุการณ์เหล่านี้ไหม แล้วรับมืออย่างไร?
ยุนอา: ประมาณ 1-2 เดือนก่อนโซชิจะเดบิวตื ฉันได้เดบิวต์ในซีรีย์ก่อนค่ะ อย่างที่คาดไว้ ฉันยังคงขาดอะไรไปหลายอย่าง แต่หลายคนก็มองว่าฉันตั้งใจดีค่ะ ตอนกำลังถ่ายอยู่อัลบั้มของ Girls' Generation ก็ถูกปล่อยออกมา ทำให้ชื่อวง Girls' Generation ติดมาด้วย หลังจากนั้นเลยถูกมองต่างออกไป เพราะฉันได้แสดงบนเวทีเยอะกว่า พวกเขาเลยจดจำฉันผ่านภาพลักษณ์นั้น ตัวของฉันในด้านการแสดงเลยถูกมองแปลกๆไปบ้างค่ะ การแสดงเป็นอะไรที่ยากนะ ไม่ใช่เพราะฉันเป็นไอดอลนะคะเลยบอกว่ายาก แต่พักนี้มีนักแสดงเก่งๆหลายคนเลย ฉันคิดว่าฉันมีความกระหายที่อยากจะแสดงให้ได้ดีขึ้นมากกว่าการจะสลัดคำว่าไอดอลออกไป ยังมีนักแสดงหลายคนที่เดิมทีเป็นไอดอล สมัยนี้คนคงอคติกับเรื่องนี้น้อยลงแล้วค่ะ

W KOREA: ผู้กำดับคิมซึงฮุนที่กำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของคุณ บอกว่า 'นักแสดงที่ฉลาดจะมีพวกเซนส์ไหวพริบตั้งแต่เกิด เช่นเดียวกับการไหลของน้ำเลย' ในฐานะนักแสดงแล้ว คุณคิดว่าอะไรคือจุดแข็งของนักแสดง?
ยุนอา: ถ้าพูดถึงจุดแข็งของนักแสดงก็คงดูยิ่งใหญ่ไปค่ะ แต่ฉันชอบการที่อารมณ์ความรู้สึกดึงดูดนะ ตัวฉันเองจะได้รับผลกระทบอย่างมากจากสภาพอากาศค่ะ แล้วก็คิดเสมอด้วยว่าอารมณ์และบรรยากาศคือสิ่งสำคัญ แน่นอนว่าการที่นักแสดงมีความรู้สึกนั้นๆและถ่ายทอดออกมาคืออีกประเด็น บางครั้งมุมที่ฉันคิดว่าจะทำมันออกมาได้ดีแต่กลับไม่ได้ดีขนาดนั้นตอนฉายค่ะ ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอารมณ์หรือเปล่า แต่สิ่งนึงที่ฉันชอบเกี่ยวกับตัวฉันคือเสียงค่ะ หลายๆคนจะคิดว่าฉันมีเสียงที่สดใส แต่จะแปลกใจพอรู้ว่าเสียงของฉันค่อนข้างโทนกลาง-ต่ำ แต่ฉันชอบโทนนี้มากนะคะ อย่างนักแสดงท่านอื่น ฉันก็ชอบคนที่มีเสียงต่ำ ไม่นานมานี้ชอบแนวเสียงคุณคิมจีวอนค่ะ

W KOREA: รู้สึกอย่างไรบ้างที่จะได้ฉลองครบรอบ 10 ปีของโซนยอชิแด?
ยุนอา: มันรู้สึกเหมือนผ่านไปแค่ 7 ปีเองค่ะ จนฉันสงสัยว่าเมื่อไหร่กันนะที่เวลาเริ่มเดินเร็วแบบนี้ รุ่นพี่คนอื่นๆที่ฉลองครบ 10 ปีของพวกเขาตั้งแต่วันเดบิวต์ต่างก็ดูสุดยอดและประสบความสำเร็จทั้งนั้นเลยค่ะ แต่สำหรับฉันแล้ว ฉันรู้สึกว่าเวลาผ่านไปไวมาก และฉันเองก็รู้สึกภูมิใจเช่นกันค่ะ

W KOREA: 10 ปีที่ผ่านมานั้น เหล่าสมาชิกเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง?
ยุนอา: เมื่อเรามีประสบการณ์มากขึ้น ความสามารถของทุกคนได้เพิ่มขึ้นตามค่ะ สิ่งที่เราเคยทำตัวไม่ถูกหรือไม่คุ้นชินก็ผ่อนคลายขึ้น ฉันคิดว่าคนที่เปลี่ยนไปมากที่สุดคงเป็นน้องเล็กซอฮยอนของเราค่ะ เธอเคยเป็นคนเข้าถึงยากนะ แต่ตอนนี้เธอเข้าสังคมมากชึ้นค่ะ เข้าถึงได้ง่ายขึ้นด้วย เพราะเธอพยายามและตั้งใจ รวมไปถึงอิทธิพลจากสมาชิกในวง หากพูดถึงพี่ทิฟฟานี่ ความสามารถในการใช้ภาษาเกาหลีของเธอพัฒนาดีขึ้นมากเลยค่ะ เธอให้สัมภาษณ์ได้ดีและยังใช้คำที่เหมาะสมและควรด้วย

W KOREA: ถ้าได้เจอตัวเองสมัยเดบิวต์ จะบอกกับตัวเองว่า?
ยุนอา: สิ่งนึงที่อยากให้จำขึ้นใจตอนทำงานคืออยากให้ตั้งใจทำงานค่ะ จะได้ไม่ต้องมาเสียใจภายหลังตอนเห็นผลงาน เพราะมันจะทำให้เราเสียใจนะถ้ารู้สึกว่าไม่ได้ทำให้เต็มที่หรือเราทำได้ดีกว่านี้ เมื่อตอนอายุยังน้อย ถ้าเจออะไรที่ยากลำบากฉันมักจะบอกตัวเองว่ส "เอาน่า ไว้คราวหน้าค่อยตั้งใจละกัน" และหันไปทำสิ่งอื่นแทน ฉันอยากจะบอกให้ตัวเองใส่ใจกับทุกๆช่วงเวลาค่ะ

W KOREA: ตอนไหนคือช่วงเวลาที่ยากที่สุดตลอด 10 ปีที่ผ่านมา
ยุนอา: เหนือกว่ายากลำบากคือมันจะมีช่วงเวลาที่ภาระค่ะ ทุกครั้งที่เราทำอัลบั้มใหม่เราจะรู้สึกกังวลว่าเราจะทำได้ถึงจุดที่คาดไว้ไหม หรือถ้าพวกเขาไม่ชอบภาพลักษณ์ขอเราหละ ทุกสิ่งที่พูดถึงล้วนแต่ถูกคาดหวังทั้งสิ้น แต่สำหรับ Girls’ Generation เรามีสมาชิกหลายคน ต่อให้ตอนที่ฉันหมดแรง ฉันก็ได้รับกำลังใจและพลังมาจากเหล่าสมาชิกและออกไปสู้รบได้อีกต่อไป ก่อนที่ฉันจะถ่ายซีรีย์ ฉันได้พักไปถึง 2 ปี และฉันได้เปลี่ยนความคิดมากมายในช่วงนั้น ทั้งต่อ Girls’ Generation ต่อด้านการแสดง ฉันละภาระหรือความหนักใจต่างๆที่คนอื่นจะมองและผ่อนคลายมากขึ้น จะเรียกได้ว่าปล่อยวางมากขึ้นก็ได้นะ?

W KOREA: แล้วมีสิ่งไหนเปลี่ยนไปไหม?
ยุนอา: ฉันคิดว่าฉันควรให้เวลากับตัวเองค่ะ ฉันไม่รู้ถึงวิธีการใช้ช่วงเวลพักผ่อนค่ะ แต่ละสัปดาห์ผ่านไปฉันก็รู้สึกเมือนตัวเองได้พัก แต่การเข้าหาและรอคอยงานที่ฉันคิดว่าจะทำมันได้ดีหรือสิ่งที่เข้ากับฉัน มันทำให้ฉันเปลี่ยนไปค่ะ แทนที่จะกังวลกับงานที่ทำแล้วคนอื่นจะรู้จักหรือจำหน้าฉันได้ไวๆ ตอนที่กำลังเตรียมอัลบั้มนี้อยู่ จุดมุ่งหมายของพวกเราคือความรู้สึกของ Girls’ Generation ที่เป็น Girls’ Generation มากกว่าจะคาดหวังถึงผลลัพธ์หรืออะไรตอบแทนค่ะ

W KOREA: แล้วคุณได้เรียนรู้ถึงการพักผ่อนดีพอแล้วหรือยัง?
ยุนอา: ฉันคิดว่าการได้ไปเที่ยวเยอะๆคือสิ่งที่สำคัญนะคะ และมีเวลาที่จะขยายขอบเขตของตัวเองด้วย ฉันคิดว่าเราควรใช้เวลาช่วงนั้นดีๆ เพราะสามารถทำให้เรามีทัศนคติที่ต่างออกไปจากตอนที่เราทำงานค่ะ

W KOREA: สำหรับคุณแล้วชื่อวง Girls’ Generation หมายถึง?
ยุนอา: เป็นชื่อที่มีทั้งความภาคมิใจแลพลังค่ะ ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหน เราจะบอกว่า “สำหรับเราแล้ว คงมีแต่สาวๆโซชิ” และเราก็กลายมาเป็นพลังและกำลังใจให้กันและกันค่ะ จนถึงตอนนี้ต่อให้ไม่ใช่สมาชิกในวง แต่ความเป็ฯทีมได้ทำหน้าที่ของมัน ต่อให้ฉันไปทำงานที่ไหนเมื่อไหร่คนเดียวแล้ว ฉันสามารถทำมันได้ในนามของ Girls’ Generation ค่ะ


ซันนี่




W KOREA: รู้สึกอย่างไรบ้างที่จะได้ฉลองครบรอบ 10 ปีของโซนยอชิแด?
ซันนี่: ฉันเป็นคนที่มีนิสัยเบื่ออะไรได้ง่ายนะคะ เลยไม่ค่อยมีสิ่งไหนที่ฉันจะทำได้นานๆเลย ฉะนั้นสิ่งเดียวที่ฉันทำมาได้มากกว่า 10 ปี ก็คืองานนี่แหละ ในชีวิตของคนเรามันน่าจะมีช่วงนึงที่รู้สึกอ่อนไหวหรือว่างเปล่า พอเกิดความรู้สึกแบบนั้นแล้วคิดถึงการได้เป็น Girls' Generation มาตลอด 10 ปีนั้นถือว่าเป็นกำลังใจและการสนับสนุนเลยก็ว่สได้ค่ะ หากฉันอยู่อย่างคนเดียวมาตลอด 10 ปีมันคงเดียวดายน่าดูเลย แต่ฉันเปล่า ฉันมีคนที่สามารถมาแบ่งปันสิ่งต่างๆประสบการณ์ต่างๆด้วย ทั้งสมาชิกในวง, แฟนๆ, ครอบครัว, และทีมงานที่ได้ร่วมงานกันมาเป็นเวลานาน กาลเวลาช่วยพิสูจน์การดำรงอยู่ของฉัน แม้จะผ่านมา 10 ปีแล้ว แต่การที่เรายังสามารถมาแสดงอะไรใหม่ๆได้อีกแบบนี้ถือว่าโชคดีมากๆเลยค่ะ

W KOREA: ไม่นานมานี้ เรารู้สึกตกในมากๆในงานแฟนมีตวันเกิดของคุณ ที่คุณได้เลือกหาของและห่อของขวัญเองมองให้กับแฟนๆด้วย
ซันนี่: เมื่อตอนวันเกิด ฉันได้เชิญและเตรียมของขวัญไว้สำหรับแฟนๆ 515 คนค่ะ แต่หลังจากได้ให้ของขวัญกับแฟนๆแล้ว ฉันก็ยังรู้สึกนะคะว่ามันเล็กน้อยไปเลยถ้าเทียบกับสิ่งที่ฉันได้รับตลอดหลายปีมานี้ ฉันเลยรู้สึกเสียใจนิดหน่อยค่ะ ฉันเข้าใจอย่างสุดๆเลยค่ะเวลาที่แฟนๆเตรียมของในทุกๆครั้ง ฉันเข้าใจความรู้สึกพวกเขาเลย

W KOREA: 10 ปีที่ผ่านมานั้น เหล่าสมาชิกเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง?
ซันนี่: อย่างที่คาดไว้ค่ะ มีทั้งคนที่เปลี่ยนไปกว่าตอนแรกอยู แต่ตอนเราเดบิวต์ ตอนนั้นเรายังเด็กอยู่และนั่นก็เป็นครั้งแรก หากตอนนั้นเราเป็นเพียงเด็กสาว ตอนนี้เราก็เป็นหญิงสาวที่สามารถทำอะไรได้ด้วยตนเองค่ะ เรามีความมั่นคงมาจากประสบการณ์ของเรา แต่ละคนรู้ดีว่าตัวเองถนัดด้านไหน และเราก็จะตั้งใจทำในด้านนั้นๆ ทุกวันนี้เวลาสาวๆคนอื่นไปทำงานอะไรที่ไหน ฉันก็ไม่รู้สึกกังวลเลยสักนิดค่ะ

W KOREA: ช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดตอนโปรโมทอยู่?
ซันนี่: แม้ว่าในช่วงเวลาที่ลำบากทั้งกายและใจ มันก็ยังมีความรู้สึกว่าสนุกไปกับมันนะคะ พอเวลาผ่านไปรู้สึกว่าช่วงเวลาเหล่านั้นก็ช่วยเรานะ เหมือนกับตอนที่เราเริ่มโตเป็นวัยรุ่นค่ะ แต่ละคนก็ต้องพบเจอกับเรื่องที่ลำบากกัน และเราได้เผชิญหน้ากับมันฝ่าฟันมันไปด้วยกันเป็นทีมแบบนี้ และทุกๆครั้งสิ่งที่ช่วยเหลือเรามากที่สุดก็คือกันและกันค่ะ มันจะมีความรู้สึกความสัมพันธ์ต่อกันและผ่านสิ่งเหล่านั้นไปด้วยกัน

W KOREA: ตอนนี้มีไอดอลรุ่นใหม่และเด็กเทรนด์เยอะมาก อยากบอกอะไรกับพวกเขาไหม?
ซันนี่: ฉันคิดว่ามันคงจะดีนะคะ ถ้าพวกเขาได้ลองทำอะไรที่เหมาะกับอายุตอนนี้ แล้วก็ต้องอยู่ในขอบเขตที่เราจะรับผิดชอบได้ด้วย การทำแบบนั้นพวกเขาจะได้เรียนรู้ถึงสิ่งที่ชอบกันและสิ่งที่อยากทำ หากเราได้เผชิญหน้ากับสิ่งนั้นๆในชีวิตจริงแทนที่จะเป็นแค่ภาพแฟนตาซีที่วาดไว้ เราจะได้รู้ด้วยว่าต้องเจอกับอะไรเตรียมตัวอย่างไร แต่อย่าลืมว่าเราเองก็ต้องรับมือกับผลที่ตามมาด้วยนะ ไม่ว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ฉะนั้นอย่ามองว่ามันเป็นเรื่องง่ายๆ อีกคำแนะนำค่ะสมัยนี้อะไรๆก็ถูกอัดและถ่ายเก็บไว้หมดนะ *หัวเราะ*

W KOREA: มีอะไรที่คุณละทิ้งไปเพื่อการเป็น Girls’ Generation ไหม?
ซันนี่: แทนที่จะเป็นการละทิ้ง มันก็มีบางสิ่งที่ฉันยอมปล่อยวางลง เพราะด้วยอาชีพที่ฉันทำเป็นสิ่งที่ฉันได้รับความรักมากมาย ฉันได้เรียนรู้ว่าฉันไม่สามารถทำอะไรได้ตามใจหรือความต้องการของตัวเองได้ค่ะ หรือจะบอกว่า ในฐานะมืออาชีพ ฉันสามารถรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ดี? หากรู้สึกเสียใจภายหลัง หากฉันโตพอ ฉันจะรู้วิธีการปลอบตัวเองค่ะ แต่ฉันตอนนั้นไม่รู้เลยเลือกที่จะดันทุรัง คุณจะเห็นได้เลยหากมองย้อนกลับไป

W KOREA: สำหรับตัวคุณเองแล้วนั้น ได้ทำอะไรบ้างหรือรับหน้าที่อะไรที่ทำให้กลายมาเป็น Girls’ Generation อย่างทุกวันนี้ได้?
ซันนี่: เวลาที่คนเราพูดกันว่า “คนนั้นทำแบบนั้นนะ ...” ฉันก็สงสัยนะคะ ว่า ‘คนนั้น’ เนี่ยคือหน้าที่ฉันหรือเปล่า *หัวเราะ* เมื่อก่อนฉันเหนื่อยง่ายค่ะและขี้อาย ฉะนั้นสำหรับฉันแล้วการที่จะมาเป็นคบันเทิง โดยเฉพาะไอดอลเนี่ย เป็นอะไรที่ฉันจะต้องพยายามอย่างมากเลย ปกติแล้วฉันจะไม่สบายง่ายค่ะ ซีดเป็นไก่ต้มเลย และจะไม่ค่อยมีปฏิกริยาอะไรมาก เหล่าสมาชิกในวงรู้เรื่องนี้ดีค่ะ แต่สำหรับการเป็น Girls’ Generation แล้ว ฉันต้องพยายามอย่างมาก เช่นการแอ๊บแบ๊ว

W KOREA: แต่นิสัยของคุณก็ดูเป็นคนสดใส่ร่าเริงนี่ ไม่ใช่หรอ?
ซันนี่: สมัยเป็นนักเรียน ฉันเป็นพวกเงียบๆและขี้อายค่ะ แต่เม่ื่อผ่านประสบการณ์ต่างๆ เราจะพัฒนาขึ้น นิสัยและบุคลิกต่างๆที่แต่ละคนรู้จักนั้นได้ถูกสร้างขึ้นมาโดยพวกเราด้วยค่ะ และภาพลักษณ์เหล่านั้นถูกสะท้อนมาจากสิ่งที่คนส่วนใหญ่ต้องการจากเราค่ะ แน่นอนว่าด้านของฉันที่เคยเป็นแบบนั้นตอนเด็กๆคือด้านที่แท้จริงของฉัน แต่อีกด้านที่ต่างออกไปก็มาเกิดขึ้นมาจริงๆด้วยเช่นกัน เพื่อให้เป็นตัวของตัวฉันเองที่ทุกนคนรู้จัก ฉันคิดว่าฉันต้องพยายามทำงานอีกครั้งค่ะ

W KOREA: คุณถือว่าเป็นคนรักแมวคนนึงที่ถึงขนาดไปงานขายของคนรักแมว การเลี้ยงแมวได้เปลี่ยนแปลงคุณบ้างไหม?
ซันนี่: ฉันจำช่วงเวลาก่อนมีแมวไม่ค่อยได้ค่ะ แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปมากที่สุดคือฉันไม่ได้คิดถึงแต่ตัวเองแล้ว มันน่าตื่นตาตื่นใจดีนะคะที่มีสิ่งมีชีวิตบางอย่างที่จะมาทักทายทุกครั้งที่เรากลับมาถึงบ้าน และมีคนที่ฉันสามารถสื่อสารได้ด้วยในทุกวันทำให้ฉันกลายเป็นคนที่สดใสขึ้น นับว่าเป็นครั้งแรกเลยที่ฉันมีหน้าที่และสามารถดูแลความสัมพันธ์นี้ไว้ แถมยังรู้สึกเป็นคนที่สดใสขึ้นด้วยค่ะ จริงๆฉันก็ไม่รู้นะคะว่าเจ้าโซกึมจะคิดเหมือนกันไหมว่าเราสื่อสารกันด้วยใจนะ หรือต่อให้มันจะเป็นความสัมพันธ์จากฉันด้านเดียว แต่ความจริงจากมันคือฉันได้พบกับความรู้สึกที่หลากหลายและตื่นตาตื่นใจ ต้อวขอบคุณมันนะคะ ไม่ใช่เพียงแค่ความสุข แต่รวมไปถึงทั้งความรู้สึกเสียใจและกังวลด้วย

W KOREA: พักนี้คุณสนใจเรื่องอะไร?
ซันนี่: รายการทีวี, อนิเมชั่น, ภาพยนตร์, และเกมต่างๆ ทั้งเกมต่อสู้, พีซี, คอนโซล,​โรลล์เพลย์, มือถือ กับเกมแล้วฉันไม่ค่อยเรื่องมากค่ะ ฉันเล่นและลบเกมบ่อยอยู่ ตอนที่ไม่ได้โปรโมท ฉันจะมองว่าเตียงคือวิมานและใช้เวลาไปกับมันค่ะ ฉันพยายามจะถ่ายทอดพลังให้ได้มากที่สุดค่ะ

W KOREA: อีกไ่ม่นานก็จะถึงวันคัมแบ็คแล้ว ตอนนี้ใจของคุณอยู่ไหน?
ซันนี่: การที่พูดว่า “เราเตรียมการมาอย่างดี” หรือ “อย่าลืมติดตามดูนะคะ” คือคำพูดที่ทุกคนจะพูดทุกครั้ง ครั้งนี้ ฉันหวังว่าเราจะสื่อด้วยใจที่ต่างออกไปค่ะ มันมีทั้งเวลาที่เราทำกิจกรรมหลายอย่าง เวลาที่เราแยกตัวกัรไป แต่สำหรับ พวกเราสมาชิก วง Girls’ Genration แล้วนั้น วง Girls’ Generation นั้นสำคัญเป็นที่ 1 ค่ะ และสำหรับวงแฟนๆก็สำคัญที่สุดสำหรับเราค่ะ ตอนนี้คำว่า ‘แฟนคลับ’ อาจจะให้ความรู้สึกแปลกๆไปหน่อย เพราะมันรู้สึกเหมือนเป็นสหายหรือเพื่อนกันมากกว่า ฉันหวังว่าพวกเขาจะทราบนะคะ


ทิฟฟานี่




W Korea: การถ่ายแบบวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง?
ทิฟฟานี่: คนที่ตื่นเต้นและกระตือรือร้นที่สุดกับการถ่ายปก W Korea วันนี้คงเป็นฉันค่ะ ฉันอยากจะทำโปรเจกต์ที่เป็นการรำลึกถึงครบรอบ 10 ปี ของ Girls' Generation นอกจากนั้นยังเป็นอะไรที่เกี่ยวกับแฟชั่นด้วย ฉันได้ถ่ายแบบคนเดียวมาหลายต่อหลายครั้ง และพวกเราเองก็ไม่ได้ถ่ายแบบกันครบวง 8 คนมาพักใหญ่ ฉะนั้นการถ่ายแบบเก็บภาพไว้แบบนี้ทำให้ฉันมีความสุขมากๆเลยค่ะ เวลาเราอยู่ด้วยกันทั้งวงแล้ว ภาพจะออกมาสุดยอดมากๆเลย

W Korea: ตัวคุณเองไม่สามารถซ่อนความรักความชอบที่มีต่อสมาชิกในวงได้เลยนะ
ทิฟฟานี่: สมัยเปนเด็กเทรนด์ ช่วงเวลาตอนเทรนด์ของฉันค่อนข้างสั้นค่ะ สาวๆในวงบางคนเทรนด์กันมา 7 ปี แต่ฉันเทรนด์เพียง 3 ปี สาวๆในวงเลยถือว่าเป็นต้นแบบของฉันเลยค่ะ และเราก็จะยืนยันคำเดิมต่อไปอีกว่าเรานั้นสุดยอดที่สุดแล้ว

W Korea: ว่ากันว่า การรักษาระยะห่างของกันและกันไว้ถือว่าเป็นเคล็ดลับของความสัมพันธ์ที่ดี แต่เหมือนว่าวิธีของคุณจะต่างออกไป
ทิฟฟานี่: จุดเริ่มต้นมันต่างออกไปนะคะสำหรับของฉันแล้ว ฉันจากครอบครัวมาแลพย้ายมาที่นี่ตอนมัธยม 3 ฉันคิดว่าฉันน่ะ รักสาวๆ Girls' Generation ตั้งแต่ต้นเลยค่ะ *หัวเราะ* สำหรับช่วงเวลา 10 ปีนั้น ฉันมองว่าฉันเป็นคนที่โรแมนติกมากนะคะ ไม่ว่าตอนไหนที่ฉันมองไป ฉันคิดอะไรถึงพวกเขา และสาวๆเองก็รู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับฉันเลยไม่ต้องพยายามจะอธิบายอะไรเลยค่ะ พวกเธอเป็นเหมือนครอบครัว ฉะนั้นฉันจึงอยากจะทำงานให้ออกมาดี เพื่อที่จะไม่ทำให้พวกเธอต้องผิดหวังค่ะ

W Korea: สำหรับคุณแล้ว Girls' Generation คือ?
ทิฟฟานี่: โซนยอชิแดคือที่ที่ฉันสามารถเรียนรู้แต่สิ่งดีๆค่ะ มันถือว่าเป็นเกียรติและโชคชะตาที่อาจจะได้หรือไม่ได้พบสักครั้งในชีวิต ต่อให้ฉันเกิดอีกครั้ง ฉันก็ยังคงรักที่แห่งนี้ และอยากเป็นสมาชิกของ Girls' Generation ค่ะ ตอนที่เรากำลังเตรียมคัมแบ็คอยู่ ฉันย้อนกลับไปดูคลิปแรกตั้งแต่เราเดบิวต์ ช่วงเวลา 10 ปีเป็นอะไรที่สำคัญมากสำหรับมิตรภาพ, ความสัมพันธุ์, และการทำงานเป็นทีม พวกเธอคือเพื่อนร่วมงาน สิ่งที่สุดยอดกว่านั้นคือต่อให้เราไม่ได้โปรโมทหรือปล่อยเพลง พวกเราก็ไม่ได้หยุดำกนะคะ พวกเราต่างก็แยกไปทำงานด้านอื่นกัน ไม่ว่าจะการแสดงหรือวาไรตี้ พวกเรามีความสามารถมากมายเลย

W Korea: จากที่คุณพูดมา คุณเป็นคนที่โรแมนติกพอควรเลย คุณต้องให้ความสำคัญกังการครบรอบ 10 ปีที่เดบิวต์มานี้มากแน่ๆ
ทิฟฟานี่: เช่นเดียวกับที่เวลาคุณนึกถึงยุค 90s จะนึกถึง Britney Spears หรือภาพยนตร์ ค่ะ ถ้าหากนึกถึงปี 2007 ฉันอยากให้คุณนึกถึงพวกเราเช่นเดียวกันค่ะ และฉันหวังว่านิตยสาร W Korea ที่เราถ่ายวันนี้จะกลายมาเป็นส่วนนึงของภาพนั้น เมื่อเวลาผ่านไปยังมีคนพูดถึงคำว่า 'เด็กสาว' อยู่ แต่เราก็ไม่ได้ไปไหนนี่คะ *หัวเราะ* มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราสามารถทำร่วมกันได้ และเมื่อไหร่ที่เราอยากจะมารวมตัวกัน เราก็จะมารวมตัวกัน แยกย้ายกันไปและกลับมาพบกันอีก นั่นแหละค่ะ คือ Girls’ Generation

W Korea: สมาชิกในวงคนไหนที่มีนิสัยต่างกับคุณสุดๆ?
ทิฟฟานี่: แทยอนค่ะ เธอต่างจากฉันอย่างสุดขั้วเลย เธอไม่ค่อยชอบอะไรที่มันงุ้งงิ้งหรือการเกาะแกะค่ะ เธอเป็นคนที่คูลๆชิคๆ แต่เราทั้งคู่ได้จากบ้านและมาเป็รรูมเมทกัน เราอยู่ด้วยกันมากว่า 13 ปีแล้วค่ะ เราเลยมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างพิเศษ เพราะคนอย่างฉันได้อยู่เคียงข้างเธอ เธอเลยชอบใส่เสื้อผ้าสีชมพูไปด้วยค่ะ *หัวเราะะ*

W Korea: สำหรับช่วงเวลา 10 ปี ตอนไหนที่คุณรู้สึกโตขึ้นหรือเปลี่ยนไปมากสุด
ทิฟฟานี่: ปีก่อนฉันทำพลาดและทำให้ได้รู้อะไรหลายอย่างค่ะ มันทำให้ฉันรู้สึกว่าต้องไปอัพเดทในด้านที่ฉันไม่ได้อัพเดทมานานเลยตั้งแต่เรียนจบมัธยม เพราะแบบนั้นฉันเลยใช้เวลาและลงแรง ฉันคิดมาได้ว่าวิธีการเรียนรู้ให้เหมาะกับคนที่อายุเกือบจะ 30 ฉันต้องไปศึกษาวัฒนํรรมและประวัติศาสตร์ ฉันไปลม museum และดูการแสดงหลายชุด ทั้งนั่งรคไฟ KTX ไปพูซาน ฉันอยากจะรู้ถึงที่ที่ฉันยืนอยู่ รู้เกี่ยวกับโลกใบใหญ่นี้ให้มากขึ้น สัมผัสและรับรู้กับสิ่งอื่นนอกเหนือจากแถวชองดัมค่ะ

W Korea: ได้ชมคลิปที่นักศึกษามหาวิทยาลัยอีฮวาร้องเพลง 'Into the New World' หรือเปล่า?
ทิฟฟานี่: ในฐานะ Girls' Generation มันเป็นช่วงเวลาที่น่าภาคภูมิใจนะคะ ตอนนี้เป็นยุคสมัยสำหรับผู้หญิง และเป็นเวลาที่การส่งต่อข้อความของผู้หญิงจะเป็นการให้กำลังใจกันและกันที่สำคัญมากค่ะ ฉันรู้สึกว่าเพลงของพวกเราได้ทำหน้าที่นั้นเลย หัวใจของฉันยิ่งมีความสุข

W Korea: สิ่งที่ได้และเสียไปกับ Girls' Generation
ทิฟฟานี่: ถ้าพูดถึงด้านการทำงานแล้ว มันจะต้องมีทั้งได้และเสียอยู่แล้วค่ะ ฉะนั้นทำสิ่งที่เรารักดีกว่า ประสบการณ์นี้ถือว่าเป็นของขวัญต่อฉันนะคะ ไม่มีสิ่งใดยั่งยืนตลอดไป แต่ทุกช่วงเวลาที่ได้รับมา, ได้ใช้ชีวิต, และการอุทิศกายใจ นั่นคือวิธีที่เราจะสร้างชีวิตที่น่าจดจำค่ะ

W Korea: มีอะไรอยากพูดถึงไอดอลรุ่นน้องไหม?
ทิฟฟานี่: เวลาที่รุ่นน้องที่เพิ่งเดบิวต์มาหาเราที่ห้องพักรายการเพลงพร้อมกับอัลบั้มของพวกเขา ดวงตาที่ส่องประกายของพวกเขาทำให้ฉันนึกถึงวันก่อนๆค่ะ อัลบั้มนั้นคือทุกอย่างของพวกเขานะ ฉันรู้สึกยินดีกับพวกเขาอย่างจริงใจค่ะ ฉันตะโกน "สู้ๆนะ" ให้กับพวกเขา บอกกับพวกเขาว่านี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นนะ แต่สิ่งสำคัญเหนือการดูดีและความสวยความงาม พวกคุณต้องมีเรื่องราวต่างๆด้วยนะ ฉันคิดว่าคนที่ทำงานออกมาได้ดีคือคนที่มีเรื่องราวและประสบการณ์ต่างๆ อย่างเช่น เพลง 'Into the New World' ที่พูดถึงความเชื่อว่าถ้าเราเข้มแข็งและตั้งใจ เราจะเปลี่ยนโลกใบนี้ได้ หรือ อย่างตอนที่เราทำเพลง 'Twinkle' การที่เราถ่ายทอดความเป็นยุค 20s และโชว์เสน่ห์ของเรา ฉันอยากจะบอกพวกรุ่นน้องด้วยนะคะ ว่าอย่าลืมรักตัวเอง สไตล์การใช้ชีวิตของไอดอลทำให้การดูแลตัวเองเป็นเรื่องยาก ไม่ว่าจะกายและใจ ฉันเคยมีช่วงที่ชีวิตยุ่งเหยิงอยู่ค่ะ แต่ก้เรียนรู้ที่นะพักพร้อมๆกับออกกำลังกาย ฉันอยากให้พวกเขาฝึกซ้อมต่อไป, มองการไกล และลงทุนกับตัวเองนะ

W Korea: ไม่นานมานี่คุณไปงานเทศกาลเพลง Coachella ด้วย ได้ประสบการณ์อะไรมาบ้างไหม?
ทิฟฟานี่: ฉันได้ไปยืนรอเข้าคิวและอยุ่ท่ามกลางคนดูค่ะ ได้ชมการแสดงของ Kendrick Lamar ในฐานะแฟนเพลงของเขาค่ะ ใจเต้นแรงมากเลย มันทำให้ฉันได้เข้าใจความรู้สึกของแฟนๆตอนมาดูการแสดงของเราค่ะ มันทำให้ฉันอยากจะทำการแสดงที่ดียิ่งขึ้นไปอีก

W Korea: ได้คิดถึงอาชีพหรือสิ่งที่อยากทำหลังการโปรโมท Girls' Generation ไหม
ทิฟฟานี่: ฉันอยากทำงานด้านการแสดงที่บทเป็นภาษาอังกฤษค่ะ แล้วอาจจะเอาความชอบด้านแฟชั่นของตัวเองไปทำอะไรสักอย่างด้วย ตอนเจอ Victoria Beckham เธอบอกกับฉันว่า "พื้นเพเธอมาจากเกิร์ลกรุ้ป เก่งในหลายด้านอยู่แล้ว คนเราจะเป็นเกิร์ลกรุ้ปไม่ได้หากไม่มีความรับผิดชอบ" อย่างไรก็ตาม มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายค่ะ ที่จะได้พบกับสามีที่แสนวิเศษเช่นนั้น! (พูดถึง David Beckham สามี Victoria)

W Korea: เหลือเวลาอีกไม่กี่วันก็ถึงการคัมแบ็คของคุณแล้ว คิดยังไงกับเรื่องนี้บ้าง?
ทิฟฟานี่: วันครบรอบ 10 ปีของ Girls' Generation ไม่ใช่เป็นเพียงครบรอบ 10 ปีที่เราตื่นเต้นนะคะ แต่มันเป็นช่วงเวลาสำหรับเราหวนคืนถึงวันเก่าๆด้วยกัน และฉันหวังว่ามันจะเป็นโอกาสให้เรามาแบ่งปันความทรงจำกันนะ มองสะท้อนกลับไปยังตัวเราในตอนนั้น ด้วยเพลงของ Girls' Generation ในตอนนั้น เพราะว่าฉันเองก็รักในดนตรี และเป็นทุกสิ่งสำกรับคนที่รักการฟังเพลงค่ะ


ยูริ




W Korea: ในบทสัมภาษณ์ครั้งก่อน คุณบอกไว้ว่า "การมีชื่อของ Girls' Generation นั้น ทำให้ถูกคาดหวังไว้ เลยรู้สึกหนักใจบ้าง" ตอนนี้ยังคิดแบบนั้นอยู่ไหม? สำหรับคุณแล้วการมีชื่อ Girls' Generation คือ?
ยูริ: ด้วยความที่เป็น Girls' Generation ฉันรู้สึกว่าชื่อนี้จะต้องได้รับความรักและการคาดหวังเสมอค่ะ ฉันเลยทั้งต้องขอบคุณและรู้สึกระมัดระวัง เพราะฉันคิดว่าเราไม่ควรสร้างปัญหา ฉันรู้สึกสนุกและมีความสุขนะคะ แต่ขณะเดียวกันก็ทั้งหนักใจและกังวล ในทุกครั้งที่ฉันได้ลองทำอะไร ชื่อ Girls' Generation จะทำให้ฉันมีกำลังใจอยู่เสมอและเป็นภาระต้องแบกไว้อยู่เช่นเดียวกันค่ะ

W KOREA: รู้สึกอย่างไรบ้างที่จะได้ฉลองครบรอบ 10 ปีของโซนยอชิแด?
ยูริ: ชีวิตในแต่ละปี รวมกันจนกลายเป็น 10 ปี เพราะเป็นการคัมแบ็คในรอบ 2 ปีด้วย เราจึงเตรียมการกันอย่างขยันขันแข็งค่ะ คล้ายๆกับการฉลองวันเกิด มันไม่ได้มีอะไรพิเศษมากมาย ฉันรู้สึกขอบคุณทุกช่วงเวลา แต่ที่ไม่ได้ให้ยึดติดกับมันมากเพราะเราไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นจุดสิ้นสุดค่ะ

W Korea: หากเทียบกับตอนเดบิวต์แล้ว คุณเปลี่ยนไปบ้างไหม?
ยูริ: ส่วนตัวแล้ว ฉันไม่ได้เริ่มจากความฝันทะเยอทะยานกับ Girls' Generation นะคะ ฉันได้พบกับเพื่อนๆที่ชอบเต้นและรองเพลง มันเหมือนกับเราไปทัศนศึกษากัน แล้วฉันนั้นรู้สึกสนุกและชอบมันมากๆ ต่อให้จะมีช่วงเวลาที่ลำบาก แต่เพราะฉันชอบสิ่งที่ทำ ฉันเลยผ่านมันมาได้ค่ะ

W Korea: คุณมีวิธีไหนที่สามารถคงความสัมพันธุ์กับวงมาได้กว่า 10 ปี
ยูริ: มันยังคงเป็นเรื่องยากและต้องระมัดระวังค่ะ จากบางมุมมองแม้ว่าจะผ่านไป 10 ปีแล้ว สำหรับฉันเท่าที่ฉันรู้สึกหวงแหนสมาชิกและ วง Girls' Generation ฉันพยายามที่จะรักษาระยะห่างค่ะ ไลฟ์สไตล์ของบางคนเราอาจจะโดนยกไปเทียบแม้ว่าเราไม่อยาก นั่นคือการที่จะคงอยู่ไว้ถึงความสัมพันธุ์เป็นระยะเวลานานค่ะ ตอนนี้พวกเขาเป็นเหมือนครอบครัว เราผ่านจุดจะที่ทะเลาะกันและอยู่ในจุดที่มองกันในมุมน่ารักๆแทนค่ะ

W Korea: รู้สึกอย่างไรที่เห็นวงเกิร์ลกรุ้ปที่เคยโปรโมทพร้อมๆกันดิสแบนด์ไปทีละวง?
ยูริ: ฉันเข้าใจการเลือกและตัดสินใจของพวกเขานะคะ เราเองก็ควรเคารพด้วย สิ่งนึงที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงในโลกนี้ คือความจริงที่ว่าทุกสิ่งนั้นแปรเปลี่ยนค่ะ ฉันรู้สึกขอบคุณนะคะที่พวกเขาได้ทำงานกันอย่างดี และทิ้งผลงานเพลงดีๆไว้

W Korea: จากผลงานของคุณ ชอบเพลงหรือการแสดงไหนมากที่สุด?
ยูริ: ฉันรู้สึกมีชีวิตชีวาและมีความสุขที่สุดตอนที่ได้ทำอะไรแล้วรู้สึกประสบความสำเร็จหรือเอาชนะมันได้ค่ะ ไม่นับกระแสจากคนทั่วไปนะคะ เวทีที่ทำให้ฉันรู้สึกแบบนั้นได้จะทำให้ตื่นเต้นที่สุดสำหรับฉัน เช่นเพลง ‘Catch Me If You Can’ ถือเป็นการท้าทายและมีท่าเต้นยากมากๆ ไม่ใช่เรื่องง่ายต่อร่างกายเลยโดยเฉพาะใจของฉันค่ะ ส่วนตัวฉันชอบ 'Kissing You' นะ และรู้สึกเหมือนเป็นเพลงที่จะไม่สามารถทำได้อีก มันทำให้ฉันนึกถึงตอนที่เราโปรโมทเพลงนี้และความรู้สึกตอนนั้น พลังที่เข้ามาในหัวตอนนั้น สำหรัลฉันแล้ว เพลงนี้เป็นเพลงที่บริสุทธิ์และน่าจดจำมากค่ะ

W Korea: เพลงเดบิวต์ของคุณ ‘Into the New World’ ได้ถูกนำไปร้องในการเดินขบวนท่ามกลางสายตาประชาชนเมื่อปีก่อนและกลายมาเป็นเพลงที่ถูกหยิบนำมาร้องเมื่อเดินขบวนสำหรับคนรุ่นใหม่ คุณได้ดูคลิปที่นักศึกษามหาวิทยาลัยอีฮวาร้องพร้อทจุดเทียนหรือยัง?
ยูริ: ฉันได้ชมคลิป 2-3 ครั้งแล้วค่ะ ฉันถึงกับร้องไห้เพราะความรู้สึกที่ตีขึ้นมา เป็นช่วงเวลาที่ฉันรับรู้ถึงความภาคภูมิใจในการเป็นนักร้อง นั่ยคือข้อความที่ฉันอยากส่งผ่านผลงานของฉันค่ะ และนั่นยังเป็นแรงบันดาลใจให้ฉันอยากทำเพลงและการแสดงต่อไป ตอนนั้นที่ฉันเดบิวต์ ฉันยังไม่ค่อยเข้าใจเนื้อเพลง แต่เมื่อเวลาผ่านไปและกลับไปฟังเพลงนั้น เนื้อเพลงยิ่งซึ้งกินใจค่ะ

W Korea: ซีรีย์ เพิ่งปิดกล้องลง
ยูริ: ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากอยู่นะคะสำหรับการตัดสินใจ เพราะว่าเนื้อหาค่อนข้างหนักและบุคลิกตัวละครค่อนข้างห่างไกลจากชีวิตของฉัน แต่มันก็ไม่ได้มีเวลามากนักหรอกค่ะในการตัดสินใจ มันเป็นอะไรที่ไม่ค่อยคุ้นเคยสำหรับฉันค่ะ ทุกช่วงเวลาถือว่าเป็นการท้าทายอย่างมาก ฉันร้องไห้พอสมควรเลยค่ะ

W Korea: นิสัยของคุณคือสามารถรับมือกับการท้าทายหนักๆได้?
ยูริ: ปกติแล้ว นิสัยของฉันเป็นพวกไม่ค่อยระมัดระวังค่ะ ฉันไม่ค่อยมานั่งคิดหน้าคิดหลังหรือใช้เหตุผลอะไรมาก แต่พอตอนนี้ฉันรู้แล้วมีอะไรหลายที่ต้องรับผิดชอบเลยระมัดระวังมากขึ้น ฉันคิดในทันทีเลยค่ะว่ามันเป็นอะไรที่ง่ายและสิ่งที่ฉันทำคือสิ่งที่ถูก แต่หลังจากผ่านไปเป็นชั่วโมงก็กลับเลือกด้านที่ยากเสียนี่

W Korea: มีอะไรอยากพูดถึงไอดอลรุ่นน้องไหม?
ยูริ: มีหลายครั้งที่เราจะคิดนะว่า ‘ยอมแพ้ดีไหมนะ?’ แม้แต่ตอนนี้ก็อาจจะมีใครสักคนคิดแบบนั้นอยู่ค่ะ และฉันได้พบกับการแข่งขันแบบนับไม่ถ้วนเลย เมื่อไหร่ก็ตามที่มันเกิดเหตุการณ์แบบนั้น ฉันก็จะตั้งใจเพื่อให้ใจนิ่งขึ้นและเป็นคนที่เข้มแข็งจนเป็นฉันอย่างทุกวันนี้ค่ะ ถ้าพวกเขาไม่ยอมแพ้มันจะดีมากๆเลยนะ

W KOREA: ช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดตอนสำหรับ 10 ปีที่ผ่านมา
ยูริ: ในทุกวันมันทั้งสนุกและยากลำบากค่ะ

W Korea: มีบทไหนที่คุณอยากลองรับแสดงในอนาคตไหม? ถ้าหากให้เราคิดถึงพลังและแรงของคุณที่เต้นบนเวทีแล้ว ภาพยนตร์แนวแอคชั่นต่อสู้คงเพราะกับคุณ
ยูริ: จริงๆแล้วฉันกำลังเรียนคลาสบทแอคชั่นอยู่นะคะ ฉันไม่ได้วางแผนถึงเรื่องซีรีย์หรือภาพยนตร์ไว้นะคะ แต่ฉันก็อยากลองดู ฉันกำลังเรียนฟันดาบอยู่ ถ้าหากมีเรื่องไหนที่ออกแนว แล้ว ฉันก็อยากลองดูนะคะ อืม แล้วถ้าให้แคสบท 2 คน ที่เหลือหรอ หนึ่งในนั้นอยากให้เป็นพี่ฮาจีวอนค่ะ


ซูยอง




W Korea: : เมื่อปีที่แล้ว คุณให้สัมภาษณ์ว่ารู้สึกกังวลที่อายุย่างเข้ายี่สิบตอนปลาย ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?
ซูยอง: ฉันยังรู้สึกกังวลจนกระทั่งต้นปีที่ผ่านมาค่ะ ตอนนั้นฉันมีเวลาพอสมควรก่อนที่ฉันกับสมาชิกในวงจะเริ่มทำอัลบั้มใหม่กันอย่างจริงจัง ฉันได้รับคำเชิญให้ไปเล่นละครเรื่องหนึ่ง ซึ่งจะออกอากาศในเดือนกันยายนนี้ ตอนนั้นฉันตัดสินใจรับไปโดยที่ยังไม่ได้อ่านแม้แต่บทด้วยซ้ำค่ะ ฉันคิดว่าฉันพักผ่อนมามากพอแล้วเลยอยากจะกลับไปโฟกัสเรื่องงานอีกน่ะค่ะ แล้วฉันก็ได้ถ่ายละครเว็บเรื่อง 'A Person You Could Know' ไปด้วยค่ะ ตอนที่ถ่าย ฉันได้คิดอะไรหลาย ๆ อย่าง เช่น ถ้าฉันได้ทำในสิ่งที่ฉันอยากทำจริง ๆ ฉันก็จะมีความสุขไปกับมันได้ โดยที่ไม่ต้องสนเรื่องเรตติ้ง หรือเรื่องอื่น ๆ เลยค่ะ การทำงานมันจะสนุกค่ะ ถ้าคุณได้เพื่อนร่วมงานที่ดี

W Korea: : คุณรู้สึกอย่างไรเวลาได้ยินคำว่า 'ครบรอบปีที่ 10 ของ Girls' Generation'?
ซูยอง[/b]: อย่างแรกเลย ฉันคิดว่า 'นี่ผ่านมา 10 ปีแล้วหรอเนี่ย' มันอาจจะมีอุปสรรคบ้าง เพราะมันอาจจะทำให้เรารู้สึกว่าเราแก่แล้ว แต่ Girls' Generation คือชีวิตของฉัน ฉันก็เลยไม่คิดว่าช่วงเวลาที่ผ่านมามันยาวนาน ก่อนหน้านี้ไม่นาน สมาชิกในวงได้ดูคลิปการแสดงเก่า ๆ ของเราเมื่อก่อน การที่เราพยายามทำให้ตัวเองดูน่ารักนี่เป็นอะไรที่ดูสิ้นหวังจริง ๆ ค่ะ (หัวเราะ) กลุ่มสาวน้อยที่พยายามจะให้ตัวเองดูน่ารัก เห็นแล้วมันชวนหัวเราะจริง ๆ ค่ะ แต่พวกเราก็ยังดูน่ารักนะคะ ฉันอยากจะลูบหัวพวกเธอแต่ละคนจริง ๆ

W Korea: : ในช่วงที่ทำอัลบั้ม คุณกังวลในเรื่องไหนมากที่สุด?
ซูยอง: เนื่องจากเป็นโอกาสที่พวกเราเดบิวท์ครบ 10 ปี ทุก ๆ คนก็จะตั้งตารอและคาดหวังว่าพวกเราจะแสดงอะไรบ้าง แต่เราก็พยายามที่จะไม่ใส่ใจกับความคาดหวังพวกนั้นเท่าไรค่ะ ก่อนที่จะเลือกเพลง ฉันเองก็กังวลมาก ๆ แต่พอได้ฟังเพลงแล้ว ฉันก็รู้สึกว่า 'นี่แหละ Girls' Generation' ฉันคิดว่ามันคือสิ่งที่ทุกคนอยากจะเห็นในโอกาสครบรอบ 10 ปี ของพวกเราค่ะ

W Korea: : ในช่วงที่วงประสบปัญหา คุณทำหน้าที่หรือมีบทบาทอะไรบ้างหรือไม่? เวลาที่พวกคุณจัดการกับอุปสรรคพวกนั้นได้ คุณคิดว่ามันเป็นเพราะอะไร?
ซูยอง: บางครั้งฉันก็อยู่เงียบ ๆ ไม่พูดอะไร แต่บางครั้งฉันก็ทำอะไรบ้างเพื่อแก้ปัญหา เพราะไม่ว่าจะเป็นปัญหาอะไร พวกเราทุกคนก็ต้องเผชิญเหมือน ๆ กัน ดังนั้น เวลามีปัญหา พวกเรามักจะคิดว่า 'ฉันก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน' แทนที่จะโทษกันว่า 'ทำไมเธอถึงเป็นแบบนี้' และถึงแม้เราจะไม่ได้คุยกัน แต่เราก็เข้าใจกันได้ค่ะ แค่มีใครพูดแค่ว่า 'อ่า!' ขึ้นมา พวกเราก็รู้ทันทีค่ะว่าคนคนนั้นเป็นอะไร สิ่งที่สำคัญที่สุดในการอยู่ร่วมกันคือการเสียสละและความอดทน ถูกไหมคะ? ฉะนั้น เมื่อถึงเวลาที่ฉันต้องเสียสละทำสิ่งใดก็ตาม ก็จะมีสมาชิกคนอื่น ๆ มาคอยเสียสละอยู่เบื้องหลังฉันเสมอค่ะ

W Korea: : นับตั้งแต่เดบิทว์จนถึงตอนนี้ คุณคิดว่าคุณเติบโตมากขึ้นในเรื่องอะไร?
ซูยอง: อย่างที่ฉันบอกไปค่ะ ฉันได้เรียนรู้ที่จะอดทน อย่างเช่น ในกลุ่มพวกเรา จะมีสมาชิกบางคนตื่นขึ้นมาเตรียมตัวตั้งแต่ 6 โมงเช้า แล้วคนคนนั้นก็จะรอคนอื่น ๆ ทำธุระส่วนตัวให้เสร็จ เวลาที่ทุกคนทำงานเสร็จตอนเช้าตรู่ สมาชิกบางคนจะกลับบ้านได้ก็ต่อเมื่อรถไปส่งสมาชิกคนอื่น ๆ แล้ว บางคนอาจจะมองว่ามันเป็นเรื่องปกติสำหรับคนที่ทำงานเป็นกลุ่ม แต่สำหรับพวกเราที่อยู่ด้วยกันมาเป็นสิบปี มันมีหลายเรื่องค่ะที่ฉันคิดว่าไม่สมเหตุสมผล แล้วฉันก็ได้เรียนรู้ที่จะอดทนเวลาต้องทำงานร่วมกับผู้อื่นเพื่อแก้ปัญหาด้วยเช่นกันค่ะ

W Korea: : คุณได้และเสียอะไรจากการเป็น Girls' Generation?
ซูยอง: สิ่งที่ฉันได้ก็คือประสบการณ์และความทรงจำมากมาย แต่ถ้าเป็นสิ่งที่ฉันเสียไป ฉันคิดว่าน่าจะเป็นเวลาค่ะ มันอาจจะฟังดูขัดแย้งกัน แต่ประสบการณ์มากมายที่ได้มานั้น มันก็ต้องแลกมาด้วยเวลาที่ฉันต้องสูญเสียไปเช่นเดียวกัน แต่สิ่งที่ฉันได้มันมีมากกว่าสิ่งที่ฉันเสีย ฉันก็เลยไม่รู้สึกเสียดายค่ะ

W Korea: : คุณคงได้ใช้ประโยชน์จากประสบการณ์และความทรงจำเหล่านั้นไม่น้อย เมื่อถึงเวลาที่คุณต้องวางแผนเกี่ยวกับงานของคุณในอนาคต
ซูยอง: มันต้องใช้จริง ๆ ค่ะ ในฐานะ Girls' Generation เราต้องเก่งทุกอย่าง เราต้องร้องและเต้นให้ได้ เราต้องรู้วิธีการทักทายผู้อื่น รวมทั้งมารยาทในการพูด ต้องเรียนรู้การแสดง การพากย์ การแต่งหน้า การดูแลตัวเอง หรือแม้กระทั่งการแสดงสีหน้าท่าทางเพื่อให้ตัวเองน่าดึงดูดภายใน 3 วินาที ในโฆษณาที่ยาวเพียงแค่ 15 วินาที ตอนที่ฉันเห็น ฉันยังสงสัยเลยว่าทำไมสมาชิกของเราถึงได้เก่งไปเสียทุกเรื่อง ในกองถ่ายละคร สตาฟฟ์จะพูดคุยกันเรื่องนี้ พวกเขาอยากรู้ว่าซูยองกินอะไร เวลาที่คุณทำงานทั้งคืน คุณอาจจะแสดงความเหนื่อยออกมาบ้าง แต่พวกเขาก็ได้แปลกใจกัน เพราะฉันไม่ได้แสดงท่าทางแบบนั้นออกมาเลย เพราะฉันถือว่า "ฉันคือ Girls' Generation" ค่ะ

W Korea: : คุณตั้งกฎและมาตรฐานให้กับตัวเอง เพื่อจัดการกับเรื่องงานและความรักหรือไม่?
ซูยอง: ฉันจะพยายามไม่แสดงความรู้สึกส่วนตัว หรือโพสต์ภาพที่มีความเป็นส่วนตัวลงโลกออนไลน์ ฉันพยายามระวังไม่ให้ข่าวเดทกลายเป็นที่สนใจในช่วงที่เรากำลังโปรโมตอัลบั้มกันค่ะ

W Korea: : หากคุณได้เป็นอาจารย์ในโรงเรียนฝึกสอนเกิร์ลกรุ๊ป คุณอยากจะสอนวิชาไหนมากที่สุด?
ซูยอง: ฉันอยากจะสอนการพูดอย่างไรเพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าใจผิดค่ะ เพราะฉันรู้ว่า คนส่วนใหญ่จะชอบกำหนดว่าศิลปินควรเป็นแบบไหน ถ้ามีศิลปินคนไหนไม่ทำตาม พวกเขาก็จะไม่ชอบศิลปินคนนั้นไปเลย คนแต่ละคนจะมีความคิดและน้ำเสียงในการพูดที่แตกต่างกันออกไป การโต้ตอบของพวกเขาก็จะเปลี่ยนไปตามอารมณ์ความรู้สึกในตอนนั้น โดยเฉพาะการเป็นเกิร์ลกรุ๊ป ใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส กับความสุภาพอ่อนโยนเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ฉันเองก็ได้บทเรียนจากการที่พูดหรือทำอะไรที่ทำให้คนเข้าใจผิดมาแล้วค่ะ

W Korea: : ถ้ามีการสร้างภาพยนตร์เรื่อง 'Songstresses' เหมือนกับเรื่อง 'Actresses' บ้าง คุณอยากจะให้มันมีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร?
ซูยอง: แทนที่จะชื่อว่า 'Songstresses' ฉันอยากให้มีภาพยนตร์ที่ชื่อว่า 'Extreme Occupations' สักเรื่อง แล้วให้พี่ผู้จัดการของเรามาแสดงสักค่ะ... (หัวเราะ) ฉันคิดว่าคงจะสนุกมาก ๆ เลยล่ะค่ะ ถ้าได้มีโอกาสถ่ายทอดความรู้สึกและการดำเนินชีวิตประจำวันของคนที่ทำงานอยู่เบื้องหลังวงเกิร์ลกรุ๊ปเหมือนในภาพยนตร์เรื่อง 'Radio Star' บ้าง

W Korea: : เมื่อปีที่แล้วเรามีโอกาสได้สัมภาษณ์คุณ ตอนนั้นคุณบอกว่า 'ความกระหายไม่ใช่เรื่องผิด เพราะทุกคนต่างก็มีสิ่งที่ตัวเองต้องการอยู่แล้ว' ทุกวันนี้มีสิ่งไหนบ้างที่คุณอยากได้?
ซูยอง: ฉันอยากมีงานที่ดีค่ะ เมื่อก่อน ฉันเคยคิดว่า 'สักวันฉันต้องทำได้' แต่ตอนนี้ฉันกลับคิดว่า 'ฉันต้องทำอะไรบ้างเพื่อให้ทำสิ่งสิ่งนั้นได้' พอได้เห็น BTS เพื่อนร่วมวงการที่มีโอกาสไปงานประกาศรางวัลของอเมริกาแล้วก็ทำให้พวกเรากระตือรือร้นว่าควรจะทำเพลงและการแสดงแบบไหนเพื่อให้ได้ยินคำว่า 'สมกับเป็น Girls' Generation'

W Korea: : คุณเคยบอกว่าคุณเคยฝึกแค่การใช้ลมหายใจ แต่คุณพูดไม่ใช่หรือว่าคุณเริ่มว่ายน้ำช่วงปลายปีที่แล้ว? ทำไมเราถึงรู้สึกว่าคุณทำอะไรไม่นานแล้วก็เลิก?
ซูยอง: รู้ได้อย่างไรคะเนี่ย! บางครั้งฉันก็ไปว่ายน้ำจริง ๆ ค่ะ ตอนนี้ฉันลองออกกำลังกายใหม่ ๆ อยู่ ช่วงนี้ฉันชอบตีกอล์ฟค่ะ มันเป็นกีฬาที่สามารถเล่นได้เมื่อมีอายุมากขึ้น ฉันก็เลยคิดว่ามันเป็นการลงทุนไปในตัวด้วย และฉันก็ชอบมากค่ะ


ฮโยยอน




W Korea: : เมื่อไม่นานมานี้ คุณได้เปิดตัวเพลงโซโล่ที่ชื่อว่า 'Wannabe' ไป มันไม่ง่ายเลยที่จะจับให้ความน่ารักและความเท่มาอยู่ด้วยกัน แต่เรากลับเห็นทั้งสองสิ่งนั้นในตัวคุณ
ฮโยยอน: เพลงโซโล่ของฉันเพลงแรกก็คือเพลง 'Mystery' ตอนนั้นฉันอยากให้ตัวเองดูน่ารัก แต่พอมองย้อนกลับไป ฉันกลับรู้สึกว่าสีสันของฉันมันขาดหายไป ในครั้งนี้ ฉันก็เลยอยากทำให้การแสดงเจ๋ง ๆ กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ช่วงนี้ฉันชอบดูวิดีโอของ Janet Jackson และ Madonna ค่ะ การที่ได้ดูการแสดงของ Janet Jackson มันทำให้ความชื่นชอบในการเต้นในตัวฉันกลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่งค่ะ

W Korea: : คุณคิดว่าฮโยยอนน่าจะอยากได้ยินคำชมแบบไหนมากที่สุด?
ฮโยยอน: ฉันคิดว่าตัวเองชอบคำชมอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น คำชมแบบไหนฉันก็ชอบค่ะ (หัวเราะ) บอกตามตรงนะคะ เมื่อก่อนฉันชอบให้คนมาชมว่าฉันสวย หรือ ฉันสวยขึ้น แต่ตอนนี้ ฉันชอบให้คนชมว่าฉันมีเสน่ห์มากกว่า เพราะมันหมายถึงการที่ฉันมีสีสันเป็นของตัวเอง

W Korea: : ช่วงเวลาที่ผ่านมาที่คุณอยากให้ตัวเองดูสวย คุณได้ลองทำอะไรบ้าง?
ฮโยยอน: ฉันจะชอบสังเกตตัวเองแบบจริงจังเลยค่ะ แล้วก็สังเกตสมาชิกคนอื่น ๆ แล้วก็พยายามเอาสิ่งที่ฉันคิดว่าเหมาะมาปรับใช้กับตัวเองค่ะ

W Korea: : โดยปกติแล้วเวลาสังเกตอะไร คนเรามักจะมองแต่ตัวเอง แต่นี่คุณมองสมาชิกคนอื่นแทนที่จะเป็นตัวเอง ฟังดูแล้วเป็นอะไรที่ค่อนข้างแปลก ๆ อยู่เหมือนกันนะคะ (หัวเราะ)
ฮโยยอน: ในตอนนั้น ฉันยังแยกไม่ออกระหว่างตัวเองที่อยู่หน้ากระจกในห้องซ้อม กับตัวเองที่อยู่ในทีวีค่ะ ฉันรู้สึกว่าทุกครั้งที่ฉันเห็นตัวเองในจอทีวี ฉันไม่เคยแสดงความเป็นตัวเองออกมาอย่างถูกต้องเลย มันเป็นเพราะว่าฉันพยายามไม่พอ หรือว่าฉันแสดงมันออกมาไม่เป็น? ตอนนั้นมันมีความคิดต่าง ๆ มากมายผุดขึ้นมาในหัวค่ะ การที่ทุกคนทำงานหนัก ๆ มันไม่ได้หมายความว่าคุณสวย เหตุผลที่ทำให้ฉันหันมาสังเกตสมาชิกในวงก็เพราะว่าฉันรู้ว่ามันมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้มีคนชมสมาชิกคนนั้นคนนี้ว่าสวย เมื่อสังคมพูดเริ่มเหมือน ๆ กัน ฉันก็คิดว่าพวกเขาน่าจะพูดถูกค่ะ

W Korea: : ได้ยินคุณเล่าแบบนี้แล้ว ความคิดของคุณก็คงจะเปลี่ยนไปเป็นอีกแบบหนึ่งเลย ในเมื่อคุณเป็นคนที่เปิดเผยขนาดนี้ ตอนนั้น คุณก็คงไม่เคยเก็บซ่อนความรู้สึกของคุรที่มีต่อสมาชิกคนอื่นเลยใช่ไหม?
ฮโยยอน: ตอนเพลง 'Tell Me Your Wish' ฉันคิดว่าผิวสีแทนของยูริภายใต้กางเกงขาสั้นและสไตล์ของเธอในตอนนั้นดูสวยมาก ๆ ฉันก็เลยบอกไปแบบนั้น ปรากฎว่ายูริอายมาก ๆ ค่ะที่ได้ยิน

W Korea: เวลาโปรโมทในเกาหลี Girls' Generation จะมีภาพลักษณ์ของการเป็นเด็กสาวที่น่ารัก แต่ในญี่ปุ่น Girls' Generation จะมีภาพลักษณ์ที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ด้วยการที่กลยุทธ์การโปรโมทในสองประเทศแตกต่างกันขนาดนี้ คุณได้เปลี่ยนมุมมองใด ๆ เกี่ยวกับวงหรือตัวคุณหรือไม่?
ฮโยยอน: ช่วงที่เราโปรโมทในญี่ปุ่น เพลงของเราจะแสดงความเข้มแข็งที่มากขึ้น ซึ่งจะให้ความรู้สึกที่แตกต่างกับเพลงที่เราใช้โปรโมทในเกาหลี แต่ตอนที่ฉันได้ฟังเพลงที่เราใช้โปรโมทในญี่ปุ่นครั้งแรก ฉันก็รู้ได้ทันทีว่าฉันควรจะแสดงมันออกมาอย่างไร จริง ๆ เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับมุมมองค่ะ แต่เป็นสิ่งใหม่ ๆ ที่น่าตื่นเต้นค่ะ

W Korea: : เวลาผู้หญิงอยู่ด้วยกัน ผู้คนก็มักจะคิดว่าจะต้องมีการอิจฉาริษยากันอย่างแน่นอน คุณอยากจะบอกอะไรกับคนเหล่านั้นหรือไม่?
ฮโยยอน: ฉันคิดว่าการมองดูใครสักคนที่สวยกว่า หรือมีอะไร ๆ ที่ดีกว่าคุณมันเกิดขึ้นได้กับมนุษย์ทุกคนค่ะ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันก็อาจจะกลายมาเป็นพลังให้กับเราได้ คุณไม่ควรเสียความมั่นใจในตัวเองเมื่อเปรียบเทียบกับคนอื่น แต่ใช้สิ่งเหล่านั้นมาเพื่อพัฒนาตัวเองให้มากขึ้น แล้วสิ่งดี ๆ ก็จะเกิดขึ้นกับคุณค่ะ

W Korea: : ถ้ามีการสร้างภาพยนตร์เรื่อง 'Songstresses' เหมือนกับเรื่อง 'Actresses' บ้าง คุณอยากจะให้เนื้อเรื่องออกมาเป็นแบบไหน?
ฮโยยอน: ฉันอยากรู้ว่าจะเป็นอย่างไรถ้ามีการสร้างภาพยนตร์ที่สะท้อนมุมมองของสตาฟฟ์ที่ทำงานกับนักร้องผู้หญิงหลาย ๆ คนค่ะ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเมคอัพอาร์ติสแต่งหน้าให้ใครสวยขึ้นมา เวลาสมาชิกคนอื่น ๆ เห็นก็จะถามว่า 'เธอใช้ลิปสติกอะไร?' บางครั้งสตาฟฟ์ก็จะแสดงความคิดเห็นในแบบที่เหมาะสมกับสมาชิกแต่ละคน ฉันคิดว่ามันเป็นอะไรที่ค่อนข้างสนุกเหมือนกันค่ะ

W Korea: : ในช่วงที่ทำอัลบั้มนี้ คุณคิดอะไรมากที่สุด?
ฮโยยอน: 'พวกเราน่าประทับใจจังเลย' เวลาผ่านไปเร็วมาก ๆ ค่ะ สมาชิกส่วนใหญ่ใช้เวลาไปกับการเป็นเด็กเทรนด์นานมาก พวกเราก็เลยอยู่ด้วยกันมา 17 ปีแล้ว แน่นอนค่ะว่าความสัมพันธ์ของพวกเราเริ่มต้นมาจากธุรกิจ แต่พวกเราก็เป็นเพื่อนที่ก้าวมาสู่จุด ๆ นี้ด้วยหัวใจที่เป็นหนึ่งเดียวกัน และฉันก็มีความสุขในความจริงข้อนี้มาก ๆ ค่ะ

W Korea: : คุณมีแผนที่จะทำงานเดี่ยวในอนาคตหรือไม่?
ฮโยยอน: ฉันอยากจะแสดงเสียงของตัวเอง อยากทำการแสดงในแบบที่ดูเท่มากขึ้นค่ะ เพราะฉันมีอะไรอีกหลายอย่างที่อยากจะแสดง ฉันฝันอยากจะเป็นนักร้องนักเต้นสาวสุดเท่ ที่มีเสน่ห์มากกว่าความเซ็กซี่ค่ะ ฉันคิดว่าควรจะนึกถึงเวทีระดับโลก มากกว่าเวทีในเกาหลีอย่างเดียว และเวลาที่ฉันดูชุดบางชุด ฉันก็มักจะคิดหรือจินตนาการว่าฉันจะดัดแปลงมันออกมาอย่างไรให้ดูแตกต่างขึ้นมาอีกนิด วันหนึ่งฉันก็อยากจะลองออกแบบงานสร้างสรรค์บ้างค่ะ

W Korea: : คุณมีความสนใจในแฟชั่นหรือไม่?
ฮโยยอน: ฉันมีสไตล์ที่ฉันชอบค่ะ ฉันชอบลองนั่นลองนี่ ฉันรู้ค่ะว่าคนคิดว่าแฟชั่นที่ฉันใส่ไปสนามบินมันดูประหลาด ทั้งที่ฉันมองว่ามันเท่ แต่มันก็เป็นสไตล์ของฉันนี่คะ จะให้ทำอย่างไร? แต่พอเวลาผ่านไป คนก็เริ่มเข้าใจแล้วก็ยอมรับ ทำให้ฉันมีความมั่นใจมากขึ้นค่ะ

W Korea: : หากคุณย้อนกลับไปวันเก่า ๆ ได้ คุณอยากจะพูดอะไรกับฮโยยอนในตอนนั้น?
ฮโยยอน: ฉันอยากจะบอกว่าให้ตั้งใจทำงาน และทำสิ่งที่ทำอยู่ไปเรื่อย ๆ พอมองย้อนกลับไป ถึงแม้ว่าจะมีช่วงเวลาที่พบเจอกับอุปสรรค แต่ฉันก็คิดว่ามันเป็นสิ่งที่เราจะต้องเผชิญค่ะ


แทยอน




W Korea: : คุณรู้สึกอย่างไรตอนที่ทำอัลบั้มนี้
แทยอน: อย่างแรก ฉันรู้สึกว่าการแสดงอะไรออกมาภายในพาร์ทสั้น ๆ เป็นสิ่งที่ยาก ซึ่งอาจเป็นผลจากการทำงานเดี่ยวมาก่อนหน้านี้ จนช่วงนี้ ฉันก็ทำนั่นทำนี่คนเดียวเพื่อทำเพลงค่ะ

W Korea: : เรียกได้หรือไม่ว่าคุณเป็นผู้มีประสบการณ์ ในเรื่องการแสดงเสน่ห์ออกมาในพาร์ทสั้น ๆ จากพาร์ทต่าง ๆ มากมาย?
แทยอน: ฉันคิดว่าตัวเองไม่ได้มีเสียงที่แตกต่างอะไร ฉะนั้น การแสดงพาร์ทสั้น ๆ ออกมาโดยให้มีอิมแพ็คด้วยมันยังเป็นสิ่งที่ยากอยู่ ตอนที่อัดเพลง ฉันกังวลมากว่าจะทำอย่างไรให้เสียงตัวเองเข้ากันกับเสียงของสมาชิกคนอื่น ๆ ได้

W Korea: : ในบรรดาสมาชิกทั้งหมด คุณเป็นสมาชิกคนแรกที่เริ่มทำงานเดี่ยว เพลงโซโล่เพลงแรกของคุณที่ชื่อว่า 'I' ก็เพราะมาก และทุกครั้งที่คุณมีเพลงใหม่ ๆ การตอบรับก็จะดีทึกครั้ง คุณได้อะไรจากการทำงานเดี่ยวบ้าง?
แทยอน: ฉันได้เรียนรู้ว่าฉันควรจะเตรียมตัวให้ดีมากขึ้นค่ะ เพราะทุกคนจะจับตามองคุณแค่คนเดียว เวลาที่ฉันทำงานกับ Girls' Generation คนอื่น ๆ ฉันกับสมาชิกก็จะมีบทบาทและเสน่ห์ที่ตัวเองต้องรับผิดชอบ แต่เวลาที่ฉันทำงานเดี่ยว ฉันจะต้องแสดงสิ่งเหล่านั้นทั้งหมดคนเดียว

W Korea: : หากคุณอยากจะเป็นผู้นำทางด้านเพลง ตอนนี้มันก็คงจะเริ่มขึ้นบ้างแล้ว
แทยอน: จริง ๆ แล้วฉันไม่ได้สนใจเรื่องการเป็นผู้นำเลยค่ะ และพยายามที่จะทำอะไรที่เหมาะกับความสามารถของตัวเองมากกว่า ตอนที่ฉันทำงานเดี่ยว ฉันจะแสดงความเป็นตัวเองออกมาได้ที่สุดก็ตอนที่ฉันรู้สึกสบายใจ แต่เวลาทำงานร่วมกัน ฉันจะเป็นคนเดียวที่รู้สึกสบายใจไม่ได้ ฉันจะต้องพยายามปรับตัวเองให้เข้ากับคนอื่น ๆ ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เวลาที่มีผู้เชี่ยวชาญมาคอยให้คำแนะนำ แทนที่จะแสดงความคิดเห็นใหญ่ ๆ อะไรออกมา ฉันกลับรู้สึกสบายใจมากกว่าที่จะรับฟังความคิดเห็นของพวกเขา อย่างตอนนี้ ฉันรู้สึกดีใจที่ได้รู้ว่าพวกเขาคิดอย่างไรกับการครบรอบ 10 ปีของ Girls' Generation

W Korea: : คุณได้มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการครบรอบ 10 ปีของ Girls' Generation กับสตาฟฟ์ที่ช่วยทำอัลบั้มอย่างไรบ้าง?
แทยอน: แทนที่จะเน้นความเข้มแข็ง เราอยากจะเน้นอารมณ์ความรู้สึกที่พวกเราได้ฉลองและสนุกไปกับช่วงเวลาที่ผ่านมาที่ได้ใช้เวลาร่วมกับแฟน ๆ เหมือนเป็นการระลึกถึงวันที่สำคัญนี้น่ะค่ะ

W Korea: : คุณเคยบอกว่าการแสดงความรู้สึกที่อยู่ในใจเป็นเรื่องยาก คุณก็เลยไม่แต่งเพลง แต่คุณก็เป็นศิลปินมานาน มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่คุณจะอยากแสดงตัวตนของคุณมากขึ้นบ้าง
แทยอน: ฉันเคยคิดว่าทำไมฉันถึงเป็นแบบนั้น โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงเนื้อเพลง ที่ฉันคิดแบบนั้นก็เพราะว่าฉันเป็นคนที่ต้องการป้องกันตัวเองเพราะกลัวว่าคนอื่นจะเข้าใจผิดในตัวฉัน คนแต่ละคนมีการตีความที่แตกต่างกัน และถึงแม้ว่าฉันจะเขียนสิ่งที่ฉันจินตนาการขึ้นมา มันก็จะมีคนแย้งว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกกลัวค่ะ

W Korea: : ถ้าเช่นนั้น แทยอนจะมีวิธีไหนบ้างในการแสดงความเป็นศิลปินออกมา?
แทยอน: อืมมม ฉันคิดว่าทุกอย่างมันมีเวลาของมันค่ะ ว่ากันตามตรง เมื่อไรที่ฉันพูดแบบนี้ คนก็จะคิดว่า 'แทยอนจะไม่มีวันแต่งเพลง' ฉันก็เลยต้องระมัดระวังค่ะ ฉันพูดได้แค่ว่าตอนนี้ มันยังไม่ถึงเวลาที่ฉันจะแต่งเพลงค่ะ แต่ใครจะรู้ว่าในอนาคต มันอาจจะมีบางอย่างเกิดขึ้น หรือฉันอาจจะได้แรงบันดาลใจในการเขียนเพลงก็ได้

W Korea: : คุณได้และเสียอะไรจากการเป็น Girls' Generation?
แทยอน: ฉันได้ใช้ชีวิตค่ะ มันทำให้ฉันค้นพบ 'ตัวเอง' แต่ถ้าถามว่าฉันสูญเสียอะไร ขอคิดดูก่อนนะคะ ฉันคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ค่ะ.... (หัวเราะ) คงเป็นชีวิตส่วนตัว แล้วก็แทยอนก่อนที่จะได้มาเป็น Girls' Generation ฉันอยากจะเจอเด็กคนนั้นอีกครั้ง แต่ฉันก็จำเด็กคนนั้นไม่ค่อยได้แล้วล่ะค่ะ

W Korea: : คุณน่าจะเขียนไดอารี่เอาไว้เผื่อมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น
แทยอน: ถ้าพูดถึงไดอารี่ สิ่งที่ฉันจะทำก็คือเอาไปใส่เครื่องทำลายเอกสารค่ะ (หัวเราะ) ฉันจะเหงื่อออกเวลาอ่านไดอารี่ ฉันไม่ชอบไดอารี่เลยค่ะ

W Korea: : ทำไมคุณถึงไม่ชอบไดอารี่? หรือว่าคุณไม่ชอบที่มันน้ำเน่า?
แทยอน: ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำค่ะว่ามันเป็นอย่างไร แต่ฉันดูตารางงานที่ฉันเคยเขียนมาไม่ได้ด้วยซ้ำ ฉันไม่ชอบอดีตค่ะ คงเป็นเพราะฉันอยากจะใช้ชีวิตโดยที่ไม่อยากให้ตัวเองไปผูกกับอดีตล่ะมั้งคะ? สำหรับฉันสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ วันนี้ และเวลานี้ เท่านั้นค่ะ ฉันอยากจะคิดถึงวันพรุ่งนี้มากกว่า ทุกวันนี้ฉันก็เลยใช้กระดาษโพสต์อิทแทน เวลาเขียนโน้ตจะได้เขียนได้ง่าย ๆ แล้วก็ทิ้งง่ายด้วย ฉันแปะโพสต์อิทไว้ทั่วทุกที่เลยค่ะ ไม่ว่าจะห้องนอน โต๊ะกินข้าว กระจก แล้วก็ทางเดิน ฉันจะเขียนพวกสิ่งที่ฉันต้อง เรื่องที่ฉันต้องพูดกับผู้จัดการ สิ่งที่ฉันอยากปรับปรุงในอัลบั้ม อะไรก็ได้ที่ฉันนึกออกในตอนนั้นน่ะค่ะ

W Korea: : เวลาผู้หญิงอยู่ด้วยกัน ผู้คนก็มักจะคิดว่าจะต้องมีการอิจฉาริษยากันอย่างแน่นอน คุณอยากจะบอกอะไรกับคนเหล่านั้นหรือไม่?
แทยอน: "มันก็ต้องมีอยู่แล้วล่ะ จะไม่มีได้อย่างไร" (หัวเราะ) หลาย ๆ คนจะสงสัยว่าพวกเราต้องมีการอิจฉากันหรือเปล่า ซึ่งพวกเราจะมีความจริงใจต่อกันมาตั้งแต่สมัยก่อนแล้วล่ะค่ะ เพราะฉะนั้น เวลาพวกเรามีปัญหา หรือมีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน เราก็จะพูดออกมาแทนที่จะเก็บเงียบเอาไว้ การใช้คำพูดให้ถูกนั้นสำคัญมากค่ะ แทนที่จะพูดว่า 'ทำไมถึงทำแบบนี้?' แล้วพูดว่า 'ทำแบบนี้จะดีกว่านะ คิดว่าอย่างไร?' แทน จะเห็นว่ามันแตกต่างกันอย่างชัดเจนเลยล่ะค่ะ

W Korea: : นับตั้งแต่เดบิทว์จนถึงตอนนี้ คุณคิดว่าคุณเติบโตมากขึ้นในเรื่องอะไร?
แทยอน: ฉันคิดว่าฉันรู้วิธีรับมือกับผู้คนมากขึ้นค่ะ ฉันได้เรียนรู้ว่าคำพูดของเราสามารถเปลี่ยนอารมณ์ของคนให้เป็นอีกแบบได้เลย เรียกได้ว่ารู้วิธีที่จะสื่อสารกับผู้คนมากขึ้นล่ะมั้งคะ? แถมฉันได้เรียนรู้ที่จะป้องกันตัวเองด้วยค่ะ

W Korea: : คุณมีเคล็ดลับในการป้องกันตัวเองอย่างไร? มีหลายคนเลยที่ไม่สามารถปกป้องประเทศได้ แต่อยากจะปกป้องตัวเอง
แทยอน: ในทางตรงกันข้าม คุณต้องเสียสละค่ะ เมื่อก่อน ฉันไม่รู้ว่าจะจัดการกับความเครียดอย่างไร พอถูกถามว่ามีวิธีจัดการกับความเครียดอย่างไร ฉันก็จะตอบไปว่าฉันไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษหรอก เมื่อก่อนฉันชอบอยู่กับบ้าน ซึ่งฉันคิดว่าไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ตอนนี้ ฉันค้นพบหนทางใหม่แล้วล่ะค่ะ... ฉันเป็นติ่งเครื่องสำอางค่ะ พอฉันหันมาติดเครื่องสำอาง ฉันก็ค้นพบวิธีที่จะจัดการกับความเครียด ซึ่งก็คือการซื้อเครื่องสำอางเยอะ ๆ ค่ะ เมื่อก่อนฉันไม่ค่อยชอบออกจากบ้านไปเดินห้าง แต่ตอนนี้ฉันชอบใส่หมวกออกไปเดินชอปปิ้งข้างนอกค่ะ เพราะเวลาไปซื้อพวกเครื่องสำอาง ฉันต้องไปเห็นเฉดสีพวกนั้นด้วยตัวเอง

W Korea: : ถ้าลองสังเกตดูพวกโต๊ะเครื่องแป้งของ Youtuber ความงาม จะสังเกตว่าพวกเขาจะทำกล่องเก็บเครื่องสำอางไว้โดยเฉพาะเลย คุณชอบเครื่องสำอางถึงขั้นนั้นหรือเปล่า?
แทยอน: ก็คล้าย ๆ แบบนั้นค่ะ ฉันสั่งซื้อกระจกที่ติดไฟสวยงามเอาไว้ อีกไม่นานก็จะส่งมาถึงค่ะ พอลองนึกแล้วก็ตื่นเต้นมาก ๆ ค่ะ ก่อนหน้านี้ไม่นานฉันก็เพิ่งสั่งซื้อบลัชออนแล้วก็มาสคาร่ามาเยอะแยะเลยค่ะ มากขนาดที่ว่าต่อให้ใช้ทั้งชีวิต ก็ยังไม่หมดเลยล่ะมั้งคะ?

W Korea: : สุดท้ายนี้ คุณอยากจะพูดอะไรเกี่ยวกับอัลบั้มฉลองครบรอบ 10 ปีนี้บ้าง?
แทยอน: ตอนที่เราอัดอัลบั้มนี้ พวกเราคิดเสมอว่า 'นี่แหละ ช่วงแรก ๆ ที่เราเดบิวท์ก็เป็นแบบนี้' ฉันคิดว่ามันเป็นอัลบั้มที่จะทำให้แฟน ๆ นึกถึง Girls' Generation ในวันเก่า ๆ ค่ะ ฉันคิดว่าแฟน ๆ คงจะได้มีโอกาสระลึกถึงวันเก่า ๆ ค่ะ


ซอฮยอน




W Korea: : คุณกำลังมีผลงานละครเรื่อง 'Thief, Mr. Theif' ร่วมกับคุณจีฮยอนวู และคิมจีฮุน ซึ่งเป็นละครเรื่องยาว มีทั้งสิ้น 5 ตอน การทำงานในละครเรื่องนี้เป็นอย่างไร?
ซอฮยอน: สนุกกว่าที่ฉันคิดค่ะ ตอนที่เราเริ่มถ่ายครั้งแรก ฉันก็คิดว่า 50 ตอนนี่มันเยอะมาก ๆ และทำให้ฉันคิดว่า ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเราถ่ายมาถึงตรงนี้แล้ว ฉันมักจะทำสองถึงสามอย่างพร้อม ๆ กัน เพราะฉะนั้น ฉันก็เลยเหมือนถูกฝึกให้จัดการกับตารางงานไปด้วย ฉันไม่มีเวลาไปออกกำลังกาย เลยเลือกที่จะทานวิตามินและควบคุมอาหารแทนค่ะ ฉันคิดว่าการซ้อมเต้นก็คงจะกลายเป็นการออกกำลังกายไปในอีกไม่นานล่ะมั้งคะ?

W Korea: : แต่ในละคร คุณถูกวางตัวให้เป็น 'ตัวอย่างของผู้หญิงทั่วไป' และ 'ไม่ใช่ผู้หญิงสวยและไม่มีความสามารถพิเศษอะไร' ฟังดูเหลวไหลจริง ๆ เมื่อคุณเป็นถึง ซอฮยอน แห่ง Girls' Generation
ซอฮยอน: หากคุณลองดูอย่างน้อยหนึ่งตอน ฉันว่าคำพูดพวกนั้นจะไม่ได้ฟังดูประหลาดอะไรเลยมั้งคะ? ฉันชอบที่ฉันสามารถเป็นตัวละครที่ฉันเล่นได้ บอกตามตรงนะคะ มีอยู่หลายครั้งที่ฉันรู้สึกหงุดหงิด เวลาที่ต้องแสดงแล้วตัวตนเดิม ๆ ของฉันยังคงอยู่ แต่ตอนที่แสดง ฉันก็คิดว่าฉันสามารถจัดการกับปัญหาพวกนั้นได้ มันก็เลยทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นค่ะ

W Korea: : คุณหมายถึงตัวตนเดิม ๆ ที่เป็น 'สาวที่เก่งและน่ารัก' ใช่หรือไม่?
ซอฮยอน: มีหลายคนที่คิดกันไปเองว่าฉันจะต้องเป็นเหมือนหนังสือเรียน และคงไม่รู้จักความสนุกสนาน แล้วเวลาที่ฉันทักทายพวกเขาไปก่อนด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริงและไม่ถือตัว พวกเขาก็จะตกใจมาก ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย 'อายุ 23 หรือ?' 'ไม่ใช่ค่ะ ฉันอายุ 27' พวกเขาก็จะตกใจในอายุของฉันอีก

W Korea: : เมื่อพูดถึงซอฮยอน ก็อดจะนึกถึงสไตล์การใช้ชีวิตอย่างเป็นระเบียบไม่ได้ มีบางครั้งที่ทำให้เราก็รู้สึกว่า 'คนที่มีระเบียบจะมาทำงานบันเทิง'
ซอฮยอน: เหตุผลที่ทำให้ฉันคิดว่าการใช้ชีวิตอย่างเป็นระเบียบเป็นสิ่งสำคัญ ก็เพราะว่าฉันรู้สึกว่าถ้าฉันไม่ใช้ชีวิตอย่างเป็นระเบียบ ฉันก็อาจจะหลงเดินไปในทางที่ผิดเพราะการถูกยั่วยุก็ได้ ทุก ๆ วันฉันจะงานยุ่งมากจนแทบจะจำสิ่งที่ทำไปเมื่อวานไม่ได้ ฉันรู้สึกว่า 'ถ้าฉันทำแบบนี้ไม่ถูก ฉันคงจะไม่ได้มาอยู่ตรงนี้แล้ว' การออกจากบ้านเพื่อมาเป็นเด็กเทรนด์ตั้งแต่ยังเด็ก ๆ เป็นสิ่งที่ฉันเลือกเองค่ะ มันทำให้ฉันรู้สึกว่าถ้าฉันเลือกใช้ชีวิตที่ดีด้วยตัวเองได้ 10 ปีผ่านไป ชีวิตของฉันก็จะยังคงดีเหมือนเดิมค่ะ

W Korea: : 10 ปีผ่านไป คุณได้เติบโตขึ้นมาก คุณรู้สึกอย่างไรเวลามองย้อนกลับไปยังช่วงเวลาที่คุณเข้มงวดกับตัวเองมาก ๆ เนื่องจากเมื่อก่อนคุณใช้ชีวิตอย่างเป็นระเบียบมาก ตอนนี้คุณคิดว่าอยากจะให้ตัวเองผ่อนคลายมากขึ้นหรือไม่?
ซอฮยอน: แน่นอนค่ะ ฉันคิดจริง ๆ ว่าฉันควรจะผ่อนคลายมากกว่านี้ ฉันมักจะตั้งกฎให้ตัวเองเสมอ อย่างเช่น 'ฉันต้องกลับบ้านก่อนเวลานี้' หรือ 'ฉันต้องไม่ไปพบคนคนนี้' แต่ฉันก็คิดว่าการใช้ชีวิตแบบนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแย่ ฉันเลยไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรค่ะ

W Korea: เวลาโปรโมทในเกาหลี Girls' Generation จะมีภาพลักษณ์ของการเป็นเด็กสาวที่น่ารัก แต่ในญี่ปุ่น Girls' Generation จะมีภาพลักษณ์ที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ด้วยการที่กลยุทธ์การโปรโมทในสองประเทศแตกต่างกันขนาดนี้ คุณได้เปลี่ยนมุมมองใด ๆ เกี่ยวกับวงหรือตัวคุณหรือไม่?
ซอฮยอน: หลังจากที่เราได้รับการยอมรับในญี่ปุ่น แทนที่จะเปลี่ยนแปลงมุมมอง ฉันกลับรู้สึกว่าเราได้เรียนรู้ว่าเราไม่ได้มีตัวตนแค่ด้านเดียว พวกเราเลยมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น ในช่วงที่เราโปรโมทในญี่ปุ่น เราพยายามที่จะไม่ประดิษฐ์ภาพลักษณ์ของผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่และมีความมั่นใจ เราเริ่มโปรโมทในญี่ปุ่นช่วงเพลง 'Tell Me Your Wish' ทำให้เราสามารถแสดงด้านอีกด้านหนึ่งออกมาได้ดีในตอนนั้นค่ะ

W Korea: : ในช่วงที่วงประสบปัญหา คุณทำหน้าที่หรือมีบทบาทอะไรบ้างหรือไม่?
ซอฮยอน: ฉันเป็นคนที่จะแสดงความคิดเห็นออกมาก่อนใคร เวลาอยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้รู้สึกไม่พอใจ เวลาเกิดปัญหาขึ้นกับวง ความรู้สึกของฉันมันก็จะผุดขึ้นมาทันที ฉันจะแสดงความเห็นในห้องแชทก่อนเสมอ ตอนแรก ฉันอาจจะเป็นเด็กน้อยที่เดินตามพี่ ๆ แต่พอเวลาผ่านไป ฉันสามารถทำอะไรเองได้แล้ว

W Korea: : ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา คุณมีผลงานเพลงเดี่ยวครั้งแรกในแนว R&B ป๊อบแดนซ์ เมื่อพูดถึงงานเพลง ถือได้ว่าเป็นโอกาสของคุณในการเริ่มต้นทำงานใหม่ ๆ
ซอฮยอน: มันสะท้อนความคิดของฉันถึง 98% เลยล่ะค่ะ ฉันมีส่วนร่วมเกือบทั้งหมด ทั้งการเลือกเพลงและเนื้อเพลง คอนเซ็ปต์ทุกอย่าง แม้กระทั่งรูปแบบมิวสิควิดีโอ ฉันก็เป็นคนเสนอเองค่ะ เวลาโปรโมทผลงาน ไม่ว่าใคร มันไม่ใช่แค่ว่าทำให้เสร็จ ๆ ไป แต่พวกเขามีความตั้งใจที่จะทำจริง ๆ ฉันไม่ได้อยากจะเป็นที่หนึ่ง หรืออยากจะเปลี่ยนภาพลักษณ์ของตัวเอง ฉันแค่อยากจะแสดงให้ทุกคนเห็นว่า 'ซอฮยอนที่เป็นศิลปินมา 10 ปี เป็นอย่างนี้นี่เอง' หลาย ๆ คนบอกว่ามันแปลกใหม่และน่าประหลาดใจมาก แต่ก็ไม่ได้ดูน่าอึดอัดอะไร ได้ยินแบบนี้แล้วฉันก็รู้สึกพอใจกับผลลัพธ์ของงานเดี่ยวที่ฉันทำค่ะ

W Korea: : พวกเรารู้สึกเหมือนกับว่า ซอฮยอนจะมีแผนที่ชัดเจนเกี่ยวกับงานในอนาคตแล้ว
ซอฮยอน: ในฐานะนักร้อง ฉันอาจจะมีประสบการณ์มา 10 ปี แต่ในฐานะนักแสดง มันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้นเองค่ะ มันให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนกัน แต่ฉันก็ชอบความรู้สึกแบบนั้นค่ะ Girls' Generation จะต้องยืนต่อหน้าทุกคนด้วยภาพลักษณ์ที่สวย และดูดี แต่ในฐานะซอฮยอน ฉันได้แสดงภาพลักษณ์ที่แตกต่างออกไป ยกตัวอย่างเช่น ฉันไม่ต้องวางแผนว่าจะต้องทำนั่นทำนี่ในช่วงละครเรื่อง 'Thief, Mr. Thief' ฉันเองก็มีความดื้ออยู่เหมือนกันค่ะ ฉันยังคงมีภาพการเป็นน้องเล็กอยู่ แม้เวลาจะผ่านมานานและตัวฉันเองก็มีการเปลี่ยนแปลงในหลาย ๆ ด้าน หากฉันมีโอกาสได้แสดงด้านอื่นผ่านทางการแสดง ฉันก็อยากจะทำงานแสดงอีกในอนาคตค่ะ

W Korea: : หากคุณได้เป็นอาจารย์ในโรงเรียนฝึกสอนเกิร์ลกรุ๊ป คุณอยากจะสอนวิชาไหนมากที่สุด?
ซอฮยอน: ฉันอยากจะให้การเยียวยาทางจิตวิทยาค่ะ เพราะสิ่งที่สำคัญมากที่สุดสำหรับคนที่ทำงานในวงการบันเทิงก็คือสุขภาพจิต เวลาที่ฉันเห็นคนเดบิวท์ตั้งแต่อายุยังน้อย ฉันรู้สึกสงสารพวกเขาและหลายครั้งก็รู้สึกไม่สบายใจ ไม่ใช่แค่คนในวงการบันเทิงหรอกค่ะ แต่ถ้าใครก็ตามในสังคมที่กำลังประสบปัญหามีโอกาสได้ไประบายกับใครสักคน และได้รับการเยียวยา ฉันคิดว่ามันก็จะดีไม่น้อยเลยล่ะค่ะ

W Korea: : คุณได้และเสียอะไรจากการเป็น Girls' Generation
ซอฮยอน: สิ่งที่ฉันได้ก็คือพี่ ๆ ที่ฉันชอบนี่ล่ะค่ะ มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลยที่คุณจะได้มีโอกาสพบใครแล้วสนิทกับคนคนนั้น ถ้าไม่นับคนในครอบครัวของคุณ ฉันคิดว่าฉันอาจจะขาดเวลาในการคิดทบทวนเกี่ยวกับชีวิตตัวเองก็ได้ค่ะ นับตั้งแต่เดบิวท์ ฉันแทบไม่มีเวลาจะอยู่เฉย ๆ เลย ฉันเลยรู้สึกเหมือนกับว่าฉันทำงานมากเกินไป มันจะเป็นอย่างไร ถ้าฉันได้ไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศคนเดียว ไม่ใช่ในฐานะ Girls' Generation แต่ในฐานะซอจูฮยอน ที่เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ฉันก็สงสัยเหมือนกันค่ะ ว่าตัวฉันที่ไม่ได้ทำงานตลอดเวลาจะมีคิด หรือใช้ชีวิตอย่างไร


Source: W Korea
English translation: sonexstella
แปลไทย: mashiks + jwesty21 ll soshifanclub ll http://www.soshifanclub.com

[Info] ข้อมูลอัลบั้มเต็มที่ 6 ของ Girls’ Generation (SNSD) – Holiday Night


Holiday Night

Teaser Clip







ชื่ออัลบั้ม : Holiday Night
ประเภทอัลบั้ม : อัลบั้มเต็ม ชุดที่ 6
ราคาอัลบั้ม : 19,900 วอน (ประมาณ 600 บาท)
เว็บหลัก : girlsgeneration.smtown.com
Hashtag : #GIRLS6ENERAT10N


เพลงในอัลบั้ม :
All Night (Title)
Holiday (Title)
Only One
Light Up the Sky
It's You
-นอกนั้นยังไม่เปิดเผย รวมทั้งหมด 10 เพลง-

กำหนดการ :
27 กรกฎาคม 00.00 น. ปล่อย Holiday Night_Teaser Clip #YOONA
28 กรกฎาคม 00.00 น. ปล่อย Holiday Night_Teaser Clip #TIFFANY
29 กรกฎาคม 00.00 น. ปล่อย Holiday Night_Teaser Clip #YURI
30 กรกฎาคม 00.00 น. ปล่อย Holiday Night_Teaser Clip #HYOYEON
31 กรกฎาคม 00.00 น. ปล่อย Holiday Night_Teaser Clip #SOOYOUNG
1 สิงหาคม 00.00 น. ปล่อย Holiday Night_Teaser Clip #SEOHYUN
4 สิงหาคม 18.00 น. วางขายอัลบั้ม Holiday Night ในรูปแบบออนไลน์ (ดิจิตอล) หรือ 16.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
5 สิงหาคม 19.00 น. งานแฟนมีตติ้งครบรอบเดบิวต์ 10 ปี GIRLS
Page 15 of 544« First...10...1314151617...203040...Last »
Go to Top