จากรายงานไตรมาสแรกประจำปี 2010 ของ บริษัทSM ที่เผยแพร่ในวันนี้นั้น ปรากฏว่ารายรับของบริษัทนั้น
ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 22.7 พันล้านวอน จากกำไรในส่วนการของดำเนินการถึง 10.4 พันล้านวอน
ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 471% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันเมื่อปีที่ผ่านมา
SM ให้ความเห็นว่า "เหตุผลหลักๆของการที่รายรับและกำไรของเรา้เพิ่มขึ้นนั้น มาจากกระแสนิยมของวง โซนยอชิแด
ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในอัลบั้มที่ 2 Oh! และ ความนิยมจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น จากการจัดกิจกรรมทั่วเอเชียอย่างสม่ำเสมอ
ของศิลปินจากSM นั่นเอง"
ในช่วงที่อัลบั้ม Gee วางแผง ราคาหุ้นของ SME นั้นอยู่ที่ 1500 วอน แต่ในปัจจุบันราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 7900 วอน
ซึ่งในทางธุรกิจแล้วถือได้ว่า SM ประสบความสำเร็จอย่างสูง และโซนยอชิแด ก็เป็นองค์ประกอบหลักของความสำเร็จนี้
โดยจะดูได้จากคำชมมากมายที่ได้รับจากคนในวงการและผู้ถือหุ้นต่างๆ (พวกเขาได้กำไรมากมาย และบางคนถึงกับจะส่งของขวัญ
ตอบแทนให้กับสาวๆเลยทีเดียว ^^)
ประเด็นสำคัญที่ต้องระวังของการทำธุรกิจของ SM ถ้าหากว่า ความสำเร็จของบริษัทขึ้นอยู่กับการวางแผนการจัดกิจกรรมให้ศิลปิน
ในตอนนี้ SM ซึ่งกำลังไปได้ดีทางธุรกิจ คนอาจจะคิดว่าเหล่าศิลปินของ SM น่าจะได้พักผ่อนบ้าง แต่จริงๆแล้ว
มันจะดำเนินไปในทางกลับกัน บริษัทมหาชนแบบ SM มีแรงกดดันที่จะต้องทำผลประกอบการให้ได้กำไรสูงๆอยู่ตลอดเวลา
และด้วยเหตุนี้ บริษัทจึงต้องหาวิธีเพื่อที่จะคงกำไรในระดับสูงเอาไว้ให้ได้ ซึ่งแทนที่จะหวังกับกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างมากมายในช่วงสั้นๆ
การเจริญเติบโตอย่างมั่นคง และมีหลักทรัพย์ที่สมดุลนั้นจะดีกว่าซึ่งเป็นสิ่งที่ SME ยังไม่มี ณ ปัจจุบัน
เมื่อดูจากข้อสรุปของเนื้อหาในบทความนี้แล้ว ศิลปินของทาง SM คงจะต้องมีตารางงานที่แน่นขนัดต่อไป นี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่ง
ที่ SM เตรียมการโปรโมท โซนยอชิแด ที่ญี่ปุ่น และทั่วเอเชีย ซึ่งการคัมแบ๊คในเกาหลี ก็น่าจะเกิดขึ้นเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
(อาจเป็นช่วงปลายปีนี้ หรือ อย่างช้าต้นปีหน้า) ศิลปินเกือบทุกคนในสังกัด SM ต่างก็คัมแบ็คในปีนี้ยิ่งพวกเขาได้รับกระแสตอบรับที่ดี
และประสบความสำเร็จมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งช่วยให้สถานะของบริษัท SME มีความมั่นคงมากขึ้นซึ่งจะส่งผลดีต่อตัวศิลปินโดยตรงอีกด้วย
พวกเรามาช่วยสนับสนุนศิลปิน SM กันเถอะ ยังไงก็ตามฉันชอบเพลงใหม่ทั้งของ SuJu และ f(x) ทั้งคู่เลยล่ะ~
cr :
silis7noy2@soompi